ราคาทองคำได้มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ อ่อนตัวลงเพื่อชดเชยแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ควบคู่ไปกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้จะเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ได้กดดันราคาทองคำให้แตะระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนครึ่ง
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ผ่านมา ราคาทองคำได้ถูกกดดันจนลงไปถึงช่วงบริเวณ $1,788 ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาทรงตัวอยู่บริเวณ $1,823 ในช่วงเช้าวันนี้
Bob Haberkorn นักยุทธศาสตร์การตลาดอาวุโสของ RJO Futures กล่าวว่าการดีดตัวขึ้นเล็กน้อยของทองคำเป็นผลมาจากการลดลงของอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลัง และการอ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์ แต่ยังเสริมว่าแนวโน้มโดยรวมของค่าเงินดอลลาร์ยังคงสูงอยู่ เนื่องจาก FED กำลังก้าวร้าวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย “เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้ว ทองกำลังทรงตัวขึ้น ทั้งๆ ที่มันควรจะต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ โดย จะพบแนวรับที่ต่ำกว่าระดับ $1,800 เล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีความต้องการทองคำและเงินทางกายภาพอย่างมาก” เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง แต่ยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษ ทำให้ทองคำมีราคาแพงสำหรับผู้ซื้อในต่างประเทศ
Fawad Razaqzada นักวิเคราะห์ตลาดของ City Index กล่าวเสริมว่า “หลายคนยังคงมองว่าทองคำมีมูลค่าต่ำเกินไป และจะเต็มใจซื้อโลหะนี้มากกว่า เมื่อราคาอ่อนตัวลง”
นักวิเคราะห์บางคนระบุว่า ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า Momentum หรือแนวโน้มขาขึ้นในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับการเทขายออกในตลาดตราสารหนี้ กำลังสร้างสภาพแวดล้อมที่ท้าทายสำหรับทองคำและโลหะมีค่าอื่นๆ ในขณะเดียวกัน ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในตลาดทุนสนับสนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สำหรับนักวิเคราะห์หลายๆ คน ปัจจัยสำคัญของทองคำยังคงเป็นเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่าหากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อพุ่งถึงจุดสูงสุด อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงซึ่งเพิ่งกลับกลายเป็นบวกอาจดันให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ซึ่งจะสร้างการแข่งขันสำหรับทองคำ และในที่สุด อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะสูงขึ้น ซึ่งเป็นข่าวร้ายสำหรับทองคำ Chris Vecchio นักยุทธศาสตร์การตลาดอาวุโสของ DailyFX แสดงความเห็นว่า “ผมคิดว่าภายในสิ้นปีนี้ ราคาทองคำอาจต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์ได้สบายๆ”
Rob Haworth Senior investment strategist ของ U.S. Bank Wealth Management กล่าวเสริมว่าเขาไม่ได้มองว่าทองคำเป็นทรัพย์สินที่น่าดึงดูดใจ เขากล่าวว่าเขาเห็นว่าทองคำยังคงต้องต่อสู้ดิ้นรนจนจบปี 2022 เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มองว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 3% ภายในเดือนธันวาคม
ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 จุดในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า
Haworth อธิบายต่อว่า หากอัตราเงินเฟ้อคงที่ อัตราดอกเบี้ยที่ระบุที่เพิ่มขึ้นจะหมายความว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะเริ่มสูงขึ้น
“ถ้าเราคิดถึงช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่ได้ช่วยให้ทองคำเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ แต่ตอนนี้เราเริ่มเห็นสิ่งที่เป็นบวกและเป็นจริง อัตราดอกเบี้ยจะเริ่มดึงอุปสงค์บางส่วนออกจากทองคำ” และ “ตอนนี้นักลงทุนที่มองหาที่หลบภัยสามารถพบสิ่งนั้นได้ในพันธบัตรบางส่วน” เขากล่าว
สิ่งเดียวที่สามารถพลิกแนวโน้มขาลงของทองคำในปัจจุบันได้ ก็คือหากธนาคารกลางสหรัฐถูกบังคับให้หยุดและแม้กระทั่งย้อนกลับมาพิจารณาแผนนโยบายการเงินในปัจจุบัน
สถานการณ์ของเงินเฟ้อและการแข็งค่าของดอลลาร์ยังส่งผลต่อประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด
คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (European Commission) เตรียมวางแผนที่จะประกาศปรับลดการคาดการณ์การเติบโต GDP ในปี 2022 นี้ลงครึ่งนึง โดยมองว่า GDP ของเขตยูโรจะขยายตัวเพียง +2.7% ในปีนี้และ +2.3% ในปีถัดไป ลดลงจากการคาดการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่ 4% และ 2.7%
สำหรับด้านอัตราเงินเฟ้อ European Commission เตรียมปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเป็น +6.1% สำหรับปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มก่อนหน้าที่ +3.5% ถึงเกือบ 2 เท่า
ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ล้วนกดดันต่อราคาทองคำ ถึงแม้ภาพลึกๆ แล้ว โลกยังเจอกับปัญหาเงินเฟ้อ แต่ด้วยการเข้าแทรกแซงของธนาคารกลางสหรัฐทำให้อาจจะมีตัวเลือกอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าเมื่อเทียบกับทองคำในช่วงนี้ ส่งผลให้สภาพคล่องไหลออกไป แนวโน้มของราคาทองคำในช่วงนี้จึงยังอยู่ในช่วงขาลง การเด้งขึ้นของราคาหลังจากหลุด $1,800 ยังไม่ใช่สัญญาณกลับตัวที่ชัดเจน ราคายังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อไปที่บริเวณ $1,770 - 1,780 ได้อยู่ สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวก็ต้องถือว่ายังไม่ถึงเวลา สำหรับนักลงทุนระยะสั้นก็สามารถเข้าเกรงกำไรได้ตามแนวรับดังกล่าว แต่ราคาก็มีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ $1,835 - 1,840 อยู่ด้วย อาจจะพิจารณาทำกำไรบางส่วนที่บริเวณนั้น
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง