ทองคำปรับตัวลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ลดลง 1.52% มาอยู่บริเวณ $1,948 นอกจากจะโดนแรงเทขายทางเทคนิคหลังจากไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ระดับ $2,000 ไปได้แล้ว เมื่อคืนทองคำยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จนทำให้ Bond Yield ดีดแตะเกือบ 3% หรือทำระดับสูงที่สุดในรอบ 4 ปี ทำให้สภาพคล่องไหลออกมาจากทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ไม่ให้ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเท่า
ข่าวที่ทำให้ Bond Yield พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความกังวลเรื่องค่าเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed คือการที่ทาง James Bullard ได้ออกมากล่าวว่า Fed สามารถขึ้นดอกเบี้ยทีเดียว +0.75% ในการประชุมครั้งต่อไปได้ หากจำเป็น ซึ่งตอนนี้นักลงทุนรับรู้เข้าไปเพียงว่า Fed น่าจะขึ้นดอกเบี้ยที่ +0.5% ในการประชุมครั้งต่อไป ตลาดยังไม่ได้รับรู้ถึงโอกาสในการที่ Fed อาจขึ้นดอกเบี้ย +0.75% ได้ เพราะตอนนี้ทุกคนเชื่อว่าโอกาสเป็นไปได้น้อย
แต่การที่ทาง James Bullard ผู้เป็นกรรมการ Fed หนึ่งท่านที่คอยย้ำให้ Fed ใช้นโยบายที่ Hawkish หรือสนับสนุนให้มีการเร่งการขึ้นดอกเบี้ยให้เร็วและสูงขึ้นกว่านี้อยู่โดยตลอด ได้ออกมาบอกว่า
"Fed สามารถขึ้นดอกเบี้ยทีเดียว +0.75% ในการประชุมครั้งต่อไปได้หากจำเป็น ผมไม่คิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้มันจะไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนก็ตาม" Bullard กล่าว
นอกจากนั้นทาง Bullard ยังให้มุมมองว่า FED ควรขึ้นดอกเบี้ยเป็น 3.5% ถ้ายังอยากคุมภาวะอัตราเงินเฟ้อสูงนี้ไว้ให้ได้ โดยปัจจุบันเหล่านักวิเคราะห์และตลาดได้รับรู้เข้าไปเพียงว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปที่กรอบ 2.50-2.75% ภายในช่วงสิ้นปีนี้เท่านั้น ทำให้เป้าหมายดอกเบี้ยของ Bullard นั้นสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้กล่าวว่าต้องขึ้นถึงระดับ 3.5% ภายในปีนี้
James Bullard เป็นคนที่คอยออกมากล่าวเตือนให้ตลาดระวังการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วและรุนแรงของ Fed อย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายแล้วเขานับเป็นหนึ่งในกรรมการ Fed ที่ได้ออกมาให้ความเห็นที่ตรงกับความเป็นจริงที่สุด เพราะทาง Fed ยังคงทยอยปรับมุมมองนโยบายให้ Hawkish มากขึ้นมาเรื่อยๆ มาตลอดทั้งปี
ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2020 แม้ว่าทองคำถือเป็นตัวเก็บมูลค่าที่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตทางการเมืองและเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ แต่เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นทำให้สภาพคล่องโดนโยกย้ายออกไปจนส่งผลต่อราคาทองคำ
ส่วนทางด้านอื่นๆ อย่างเศรษฐกิจจีนหลังจากที่โดนแรงกดดันรอบด้านมาตลอดไตรมาสที่ผ่านมา และนักวิเคราะห์เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะโตได้เพียง +4.4% ในไตรมาสที่ผ่านมา แต่ทางจีนกลับประกาศ GDP ออกมาโตสูงถึง +4.8% โตสูงขึ้นกว่าไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ +4.0% ทั้งๆที่ทางรัฐบาลจีนยังไม่ได้ออกมาลดดอกเบี้ยหรือกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากเท่ากับที่หลายฝ่ายเรียกร้อง
แต่ในขณะเดียวกันราคาหุ้นจีนกลับยังคงปรับตัวต่ำลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นเทคของจีนอย่าง CQQQ หรือ Invesco China Technology ETF ที่ได้ปรับตัวลดลงมา -30% แล้วจากต้นปีนี้ หรือ -60% จากจุดสูงสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ดีงให้ราคาหุ้นจีนพื้นฐานดีหลายตัวปรับตัวลดลงมาอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่สัญญาณทางเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวได้ดีมากกว่าที่คาดแล้ว ถึงแม้เศรษฐกิจจีนจะยังต้องเผชิญความท้าทายอีกหลายอย่างในปีนี้ ส่วนทางกับ IMF ที่ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกปีนี้ ลงจาก +4.4% เหลือ +3.6% จากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน วันเดียวหลังจาก World Bank เพิ่งปรับลงเช่นเดียวกัน โดย IMF ระบุเพิ่มเติมว่า สงครามยูเครน-รัสเซียกดดันให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะคงอยู่นานกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงประธานาธิบดี Joe Biden ของสหรัฐฯ ก็ได้ออกมากล่าวโทษ Covid-19 และสงครามดังกล่าว ว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อสูงที่สุดในรอบ 40 ปี
แนวโน้มสถานการณ์ทองคำหลังจากไม่สามารถผ่านแนวต้านช่วง $2,000 ไปได้ และโดนแรงเทขายจนหลุดช่วงแนวรับแรกที่ $1,950 - 1,960 ตอนนี้แนวโน้มยังไม่คอนเฟิร์มการกลับตัวเป็นขาลงของราคา
การที่ราคาถูกกดดันมาเมื่อวานจากปัจจัยทางด้านพื้นฐานที่เกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นของ Bond Yield และค่าเงินดอลลาห์แล้ว ยังโดนแนวต้านจิตวิทยาช่วง $2,000 กดดันลงมาเพิ่มเติมด้วย
สิ่งที่ต้องจับตาด้านราคาใน วัน สองวันนี้ คือราคาจะสามารถทรงตัวอยู่ในช่วงปัจจุบันได้หรือไม่ โดยแนวรับถัดไปของราคาทองคำจะกลับมาอยู่ในช่วง $1,900 - 1,910 ซึ่งเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา
หากมีสถานการณ์ใดๆ ที่ส่งผลลบต่อทองคำเข้ามาเพิ่มเติม ราคามีโอกาสลงต่อเพื่อไปถึงแนวรับดังกล่าวได้
แต่หากไม่มีข่าวอะไรออกมากดดันเพิ่มเติม ราคาก็มีโอกาสจะปรับตัวขึ้นกลับไปที่ช่วง $1,965 อีกครั้งได้
แต่บริเวณดังกล่าวที่เคยเป็นแนวรับก็จะเปลี่ยนมาเป็นแนวต้านเช่นกัน เป็นได้ว่าหากราคาไม่สามารถทะลุขึ้นไปยืนเหนือ $1,965 ได้อย่างรุนแรง ราคาก็อาจจะมีโอกาสปรับตัวลงต่อไปถึงช่วง $1,900 - 1,920 ได้
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง