หลังจากที่ราคาทองคำขึ้นไปถึง $2,070 เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาหลังจากมีการเริ่มสงคราม ซึ่งถือว่าเกือบทะลุราคาสูงสุดตลอดกาลของทองคำ หลังจากนั้นราคาได้ปรับตัวกลับลงยืนอยู่แนวรับช่วง $1,900 ก่อนที่จะมีการปรับตัวกลับขึ้นมาบริเวณ $1,957 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปัจจัยด้านสงครามยังเป็นปัจจัยหลัก แต่ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ส่งผลต่อราคาไม่ใช่สถานะการณ์การปะทะกันทางด้านการทหารของประเทศต่างๆ เหมือนในช่วงแรก แต่เป็นการปะทะกันของสงครามด้านเศรษฐกิจ หลังจากทางด้านสหรัฐฯ และชาติตะวันตกได้ทำการคว่ำบาตรและกดดันโดยการตัดรัสเซียออกจากระบบ SWIFT โดยหวังให้รัสเซียขาดสภาพคล่องในการทำสงครามแต่ผลกระทบก็ไม่ได้ตกอยู่กับทางรัสเซียเพียงฝั่งเดียว เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ของโลกและหลายๆ ประเทศพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียทั้งทางยุโรปและสหรัฐฯบางส่วน ทำให้ในช่วงแรกของการคว่ำบาตร ค่าเงิน Ruble ของรัสเซียตกลงอย่างหนัก ก่อนที่จะสามารถกลับขึ้นมาได้บ้างในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งที่ทางรัสเซียยังสามารถต่อสู้ทางด้านเศรษฐกิจได้นั้นเพราะมีพันธมิตรอย่างจีน รวมถึงอินเดียอยู่ด้วย ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นประเทศที่มีจุดยืนและไม่ใช่ว่าจะยอมทำตามชาติตะวันตกทุกอย่าง และจากการที่มีความสัมพันธ์อันดีทำให้รัสเซียสามารถตั้งหลักและใช้มาตราการโต้ตอบการคว่ำบาตรกับชาติตะวันตกได้ โดยรัสเซียทราบดีว่าหลายๆ ประเทศในยุโรปยังต้องการพลังงานจากตน ถึงแม้ทางยุโรปกำลังพยายามหาทางเลี่ยง โดยไปซื้อพลังงานจากที่อื่น แต่ก็ต้องพบเจอกับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นทำให้ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งถึงแม้การที่รัสเซียถูกคว่ำบาตรแต่รัสเซียไม่ได้ปิดกั้นการค้าขาย แต่มีข้อแม้คือจะต้องใช้เงิน Ruble ในการซื้อขาย การที่รัสเซียยังมั่นใจในสกุลเงินของตัวเองส่วนหนึ่งมาจากรัสเซียได้มีการสำรองทองคำในประเทศอยู่มาก ไม่เหมือนกับทางฝั่งยุโรปที่ใช้ดอลล่าห์เป็นเงินสำรองของประเทศ ซึ่งทางดอลล่าห์ก็กำลังมีปัญหาของสภาวะเงินเฟ้อเกิดขึ้นอยู่ ทำให้หากทางฝั่งยุโรปต้องการซื้อพลังงานก็จำเป็นที่จะต้องขายดอลล่าห์ เพื่อไปซื้อทองคำหรือ Ruble เพื่อใช้ในการซื้อขายกับรัสเซีย โดยจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของดอลล่าห์ไม่มากก็น้อยถือเป็นการตอบโต้ในด้านการต่อสู้ทางเศรษฐกิจจากรัสเซียนอกเหนือจากสถานะกาณ์ทางด้านทหา
ส่วนในทางด้านของฝั่งสหรัฐฯ นอกจากสถานการณ์กับรัสเซียเองยังมีปัญหาของเงินเฟ้อที่กล่าวไว้ข้างต้นถึงแม้ผลจากการประชุมล่าสุดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นไปตามตลาดคาดการณ์ ทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นและเป็นอีกหนึ่งปัจจัยให้ราคาทองคำปรับตัวลง และในสัปดาห์หน้าจะมีการประกาศตัวเลข Non-Farm Employment Change หรือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ซึ่งตัวเลขนี้จะส่งผลต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อๆไป
ในด้านของแนวโน้มราคาทองคำราคาทรงตัวอยู่บริเวณ $1,940 – 1,960 นอกจากตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศออกมานั้น อีกปัจจัยและอาจจะมีผลกระทบถึงราคาได้คือทางธนาคารรัสเซียจะเริ่มกลับมาซื้อทองคำจากธนาคารพาณิชย์ต่างๆ และทางฝั่งยุโรปจะมีทางช่องทางการซื้อขายพลังงานอย่างไร ผลที่ออกมาอาจจะสร้างความผันผวนต่อราคาได้ โดยราคานั้นมีแนวรับหลักอยู่ในช่วง $1,910 – 1,920 ที่สามารถยันราคาได้อยู่ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมายังถือว่าเป็นแนวรับที่สำคัญ ในขณะที่หากราคาผ่านบริเวณที่อยู่นี้ขึ้นไปได้แนวต้านถัดไปจะอยู่ในช่วง $2,000
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง