ราคาทองคำปรับตัวลงต่อในวันจันทร์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าในระหว่างวันราคาจะสามารถขึ้นไปถึงช่วงราคา $1,875 แต่ก็ไม่ได้สามารถรักษาระดับราคาดังกล่าว และได้ลดลงกว่า 1% จากระดับสูงสุดของวัน ลงมาที่บริเวณราคา $1,855 ในวันนี้
โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นการที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษ “ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเนื่องจากความคาดหวังของธนาคารกลางสหรัฐที่แข็งกร้าวมากขึ้น ในทางกลับกัน ทองคำก็ได้รับความสนใจน้อยลงเพราะไม่มีดอกเบี้ย” David Meger ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายของ High Ridge Futures กล่าว
เงินดอลลาร์ยังถือเป็นสินทรัพย์ และแหล่งหลบภัยที่เข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบสองทศวรรษ ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ก็เริ่มมีการผ่อนคลายลงบ้าง หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี ทางด้านตลาดหุ้นต่างๆ รวมถึงตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ก็ได้ร่วงจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น โดยคาดการณ์ว่าได้รับผลกระทบจากความกลัวว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัว
รวมถึงการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ (Non-Farm Payrolls) เดือนเมษายน เพิ่มขึ้น +428,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนต่างทราบดีถึงข้อเท็จจริงที่ว่า US Nonfarm Payrolls (NFP) ของสหรัฐฯ ได้หนุนให้ FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐเปิดเผยการจ้างงานเพิ่มขึ้น 428,000 ตำแหน่ง ซึ่งการสร้างงานที่สูงขึ้นได้ส่งสัญญาณถึงตลาดแรงงานที่ตึงตัว ซึ่งอาจบังคับให้ FED ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5 จุด
ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ลดลงที่ 8.1% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษที่ 8.5% การพิมพ์อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงของสหรัฐอาจกำหนดนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ FED ได้ ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงการปรับขึ้นในของค่าเงินดอลลาร์ จะเห็นได้ชัดเจนว่านักลงทุนกำลังให้ความสำคัญกับตัวเลข US Nonfarm Payrolls (NFP) ที่เป็นบวกเกินคาดการณ์ มากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่อ่อนตัวลง
โดยสัปดาห์นี้ในวันที่ 11 พฤษภาคม สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐจะเปิดเผย CPI ในเดือนเมษายน ปัจจุบัน ดัชนีราคาผู้บริโภคอยู่ที่ 8.5% ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่มกราคม 1982 ระดับเงินเฟ้อที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นสาเหตุของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งโดย FED ขณะที่พวกเขาพยายามชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพื่อลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
การคาดการณ์สำหรับ CPI เดือนเมษายนแตกต่างไปจากที่นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ ว่าระดับเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นสูงสุด และคนอื่นๆ คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะยังคงร้อนแรงต่อไป ตามรายงานของ Forbes “ประมาณการ CPI ของเดือนเมษายนจะประกาศในวันพุธก่อนที่ตลาดหุ้นจะเปิด คาดว่าอัตราสินค้าทั้งหมดจะลดลงจาก 8.5% เป็น 8.1% หากต้องการแตะระดับ 8.1% อัตราเงินเฟ้อรายเดือนจะต้องลดลงจาก 2.3% ในเดือนมกราคม 2.6% ในเดือนกุมภาพันธ์ และ 3.8% ในเดือนมีนาคมเหลือไม่เกิน 1.25% เพื่อให้ถึงจำนวนที่คาดไว้”
อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่เผยแพร่ในตลาดบลูมเบิร์กในวันนี้กล่าวว่าจากการสำรวจของ FEDในนิวยอร์ก "ความคาดหวังของเงินเฟ้อในระยะยาวจะเพิ่มขึ้น" ในบทความที่เขียนโดย Alexandre Tanzi เขารายงานว่า “ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อใน 3 ปีข้างหน้าจะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน อาจเป็นสัญญาณที่น่ากังวลสำหรับธนาคารกลางสหรัฐ เนื่องจากธนาคารกลางพยายามรักษาความคาดหวังในระยะยาวไว้”
ความน่าจะเป็นที่ระดับเงินเฟ้อที่สูงเกินไปจะยังคงดำเนินต่อไปและโอกาสที่ตัวเลขจะกลับไปอย่างที่ธนาคารกลางสหรัฐเคยรักษาไว้จะค่อนข้างยาก ถึงแม้ประธานอย่าง Powell และ FED รายอื่นๆ จะกล่าวว่าการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวยังคงอยู่ในระดับที่ดีก็ตาม
ในขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐจะนำไปสู่การหดตัวทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน และการที่ FED ไม่สามารถควบคุมปัญหาห่วงโซ่อุปทานหรือสงครามในยูเครนได้ ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
แนวโน้มของราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงของการปรับตัวลงต่อ ราคากำลังลงมาทดสอบแนวรับช่วง $1,845 - 1,855 แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ยังไม่มีผลดีต่อราคาทองคำ ทำให้มีโอกาสที่ราคาจะสามารถลงไปถึงช่วงราคา $1,825 - 1,835 ได้สูง ซึงในบริเวณนั้นนอกจากเป็นแนวต้านเล็กๆแล้ว ยังเป็นจุดที่เส้น MA 200 อยู่ ทำให้มีโอกาสที่ราคาอาจจะไปชะลอในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งสัญญาณที่น่าสนใจคือการที่ค่าเงินดอลลาห์ เริ่มมีสัญญาของการจบเทรน
เป็นที่ทราบกันดีว่าในขณะนี้สิ่งที่กดดันราคาทองคำอยู่ในปัจจัยสำคัญคือการที่ค่าเงินดอลลาห์ปรับตัวสูงขึ้น แต่หากวิเคราะห์ทางเทคนิคในขณะนี้ DXY หรือ U.S. Dollar currency index เริ่มมีสัญญาณของ Divergence ของ RSI ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญที่แสดงว่าอาจจะมีโอกาสจบเทรนได้ ซึ่งถ้าหากค่าเงินดอลลาห์จบเทรนขาขึ้นที่ขึ้นมานี้ อาจจะเป็นโอกาสของทองคำที่จะมีโอกาสปรับตัวกลับขึ้นมาได้
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง