ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ราคาปรับตัวลดลง -1.1% ลงไปที่ระดับราคา $1,885 ถือว่าร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น ดัชนีค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่มกราคม 2017 โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED จะมีการปรับนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้น รวมถึงมากกว่าประเทศอื่นๆ จากความกังวลเรื่องการเติบโตที่ชะลอตัวในประเทศจีนและยุโรป
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่คาดการณ์ไว้ เช่นเดียวกับการลดงบดุลของ FED โดยในสัปดาห์หน้า FED จะจัดการประชุม FOMC ในเดือนพฤษภาคม 2022 นักวิเคราะห์และนักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า FED จะทำตามคำแถลงล่าสุดเพื่อปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% พร้อมกันสองครั้งในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน
เห็นได้ชัดว่าทาง FED กำลังมีความพยายามที่จะลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ FED จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อจากระดับที่สูงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์ประกอบหลักของอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นคือปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทานซึ่งส่งผลให้ระดับเงินเฟ้อในปัจจุบันอยู่ที่ 8.5% ตามรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคฉบับล่าสุดในเดือนมีนาคม
อีกหนึ่งตัวเลขที่มีผลต่อการตัดสินใจของ FED และต้องจับตาคือ ดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล หรือ Personal Consumption Expenditures (PCE) โดย PCE มีความคล้ายคลึงกับ ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ Consumer price index (CPI) หลายประการ แต่มีแนวคิดเดียวกันคือติดตามราคาสินค้าที่ถูกซื้อโดยผู้บริโภค
PCE นั้นเก็บข้อมูลจากการสำรวจยอดค้าปลีกภาคธุรกิจ ขณะที่ CPI เก็บข้อมูลจากการสำรวจผู้บริโภค ดังนั้น CPI สามารถทราบได้ว่าผู้บริโภคใช้จ่ายเงินไปกับอะไรเท่าไหร่ ขณะที่ PCE สามารถทราบได้มากกว่านั้น ซึ่งรวมถึงสินค้าและบริการที่ถูกซื้อโดยผู้ประกอบการหรือรัฐบาล
ทั้งนี้ FED ให้ความสำคัญกับ PCE มากกว่าดัชนีเงินเฟ้อตัวอื่นๆ เนื่องจาก PCE ครอบคลุมการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนมากกว่า อย่างไรก็ตาม FED เองก็คอยจับตาดัชนีเงินเฟ้อตัวอื่นๆเช่น CPI หรือ PPI อย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบัน สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ หรืิอ U.S. Bureau of Economic Analysis (BEA) รายงานว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 6.4% ต่อเดือน
BEA จะออกรายงานที่สำคัญอย่างยิ่งสองฉบับในสัปดาห์นี้ โดยวันนี้ BEA จะออกประมาณการล่วงหน้าของ GDP ไตรมาสแรกของปี 2022 ซึ่งคาดว่าจะบ่งชี้ว่าการเติบโตของ GDP ลดลงอย่างรวดเร็ว ธนาคารกลางแห่งแอตแลนต้า (Federal Reserve Bank of Atlanta) ได้เปิดเผยการประมาณการสำหรับ GDP ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 ซึ่งคาดการณ์ว่า GDP จะลดลงเหลือประมาณ 1% ระดับเงินเฟ้อในเดือนมีนาคมจะเปิดเผยผ่านทาง PCE โดย BEA ในวันศุกร์ที่ 29 เมษายนนี้ รายงานทั้งสองฉบับนี้น่าจะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งค่าเงินดอลลาร์และทองคำที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในขณะที่ความเคลื่อนไหวของผลกระทบจากสถานการณ์สงครามยูเครน-รัสเซีย Bloomberg เพิ่งรายงานออกมาว่าทางเยอรมนีเตรียมที่จะสนับสนุนการแบนการใช้น้ำมันจากรัสเซียของยุโรป เป็นท่าทีล่าสุดที่ทางเยอรมนีไม่เคยแสดงออกอย่างชัดเจนมาก่อน เพราะทางเยอรมนีนั้นยังต้องพึ่งพาน้ำมันจากรัสเซียอยู่เยอะมาก อย่างไรก็ตามทางเยอรมนีขอให้การเปลี่ยนแปลงหรือการแบนน้ำมันรัสเซียนี้ดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากทางเยอรมนีและหลายประเทศในสหภาพยุโรปอาจต้องเผชิญกับวิกฤตด้านพลังงานหากไม่วางแผนรองรับไว้ให้ดี โดยเมื่อวานนี้ทางรัสเซียเพิ่งได้ระงับการส่งก๊าซธรรมชาติให้ประเทศโปแลนด์และบัลแกเรีย หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศปฏิเสธที่จะจ่ายค่าก๊าซให้รัสเซียเป็นสกุลเงินรูเบิล ทำให้เป็นการกดดันวิกฤตด้านพลังงานขาดแคลนในยุโรปให้หนักขึ้นทันที เมื่อวานนี้ราคาก๊าซธรรมชาติพุ่งสูงขึ้นถึง +20% ภายในวันเดียวจากคำสั่งการตัดก๊าซครั้งนี้
ตอนนี้สหภาพยุโรปกำลังเตรียมดำเนินการมาตรการคว่ำบาตรลงโทษรัสเซียฉบับที่ 6 จากการบุกรุกประเทศยูเครน โดยกำลังมีการปรึกษาหารือรายละเอียดกับประเทศสมาชิกยุโรปอยู่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไม่กี่วันข้างหน้า และคงต้องมาติดตามดูว่าทางยุโรปจะแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในสัดส่วนที่มากขึ้นไหม
แนวโน้มของราคาทองคำ ณ ปัจจุบันตามสัญญาณทางเทคนิคค่อนข้างเข้าสู่แนวโน้มขาลงแล้ว จากการที่ราคาหลุดลงมาตั้งแต่ช่วง $1,940 แล้วยังไม่สามารถปรับตัวกลับขึ้นไปได้ ราคากำลังมุ่งหน้าลงไปสู่ช่วงแนวรับบริเวณ $1,865 - 1,875 ซึ่งแนวโน้มภายในเร็วๆ นี้มีโอกาสที่ราคาจะไหลไปถึงช่วงแนวรับดังกล่าวค่อนข้างมาก เพราะจากสถานการณ์ต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เหมือนส่วนใหญ่ตลาดกำลังรอดูสถานการณ์ของ FED ที่จะมีการประกาศตัวเลขต่างๆ ที่แน่ชัดมากขึ้นในสัปดาห์ แต่ด้วยแนวโน้มที่ออกมาไม่เป็นผลดีต่อราคาทองคำ อาจจะทำให้ราคาค่อยๆ ซึมลงไปต่อ ก่อนที่จะมีความชัดเจนต่างๆ ออกมามากขึ้น สำหรับนักลงทุนที่เกร็งกำไรระยะสั้น ถึงแม้ในช่วงแนวรับดังกล่าวมีโอกาสที่ราคาจะไปถึงและดีดตัวกลับขึ้นไปที่แนวต้านช่วงราคา $1,900 ได้ จากการที่ราคารับข่าวสารไปแล้วในสัปดาห์นี้ และถ้าการรายงานตัวเลขออกมาไม่ได้เกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก็ยิ่งมีโอกาสที่ราคาทองคำจะกลับตัวขึ้นไป
แต่อย่างไรก็ตามต้องพิจาณาสถานการณ์ที่อาจจะซ้ำเติมจนทำให้ราคาทองคำทะลุแนวรับดังกล่าว จนลงไปถึงช่วงราคา $1,830 ได้
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง