ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อไปที่ราคา $1,981 แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 14 มีนาคม หรือในรอบระยะเวลาเกือบหนึ่งเดือน ก่อนที่จะทรงตัวอยู่ในช่วง $1,970 - 1,975 ในเช้านี้ “ดูเหมือนว่าทองคำจะเพิกเฉยต่อค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น และดูเหมือนว่าตลาดจะเน้นไปที่อัตราเงินเฟ้ออย่างเดียว” Edward Meir นักวิเคราะห์จาก ED&F Man Capital Markets กล่าว โดยแรงหนุนที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นคงไม่พ้นความต้องการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น แรงกดดันจากการคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน
จากข้อมูลเมื่อวันอังคารแสดงให้เห็นว่า Consumer prices index (CPI) พุ่งขึ้นในเดือนมี.ค. รวมถึงตัวเลข PPI หรือดัชนีวัดเงินเฟ้อจากฝั่งผู้ผลิตของสหรัฐล่าสุดก็ดีด +11.2% จากปีที่ผ่านมา พุ่งสูงที่สุดในรอบ 12 ปี ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ยิ่งมีแรงกดดันและมีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 จุดในเดือนหน้า เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อ และสถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ในสหรัฐ ล่าสุด CPI หรือดัชนีวัดค่าเงินเฟ้อจากทางอังกฤษเดือนมีนาคมรายงานออกมาที่ +7% หรือสูงที่สุดในรอบ 30 ปี เป็นการเพิ่มแรงกดดันให้แบงก์ชาติอังกฤษต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าตอนนี้นานาประเทศกำลังเผชิญภาวะเงินเฟ้ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทองคำถือเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี อาจจะทำให้นักลงทุนเสียโอกาสในการถือทองคำแท่งที่ไม่ให้ผลตอบแทนได้ แต่ด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อที่กำลังสูงขึ้นเช่นนี้ ก็เป็นโอกาสที่จะผลักดันให้ราคาทองคำขยับสูงขึ้นต่อไปได้ Daniel Pavilonis นักยุทธศาสตร์การตลาดอาวุโสของ RJO Futures กล่าวว่า “ความน่าหวาดกลัวที่แท้จริงของเงินเฟ้อที่มากขึ้นนั้นจะมาจากปัญหาการส่งออก การจัดส่งและการสั่งซื้อ รวมถึงต้นทุนการขนส่งอื่นๆ ทั้งหมดเนื่องจากวิกฤตการณ์ยูเครน”
อย่างไรก็ตาม Michael Burry นักลงทุนขา Short ในตำนาน จากเรื่อง "The Big Short" ได้ทวีตออกมาเตือนนักลงทุนทั้งโลกว่า Bureau of Labor Statistics (BLS) หรือหน่วยข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐกำลังโกหกทุกคนอยู่ พวกเขาได้พยายามทำให้ตัวเลขราคาบ้านลดลงต่ำกว่าความเป็นจริงเยอะ เพื่อปกปิดค่าเงินเฟ้อที่แท้จริง หากรัฐบาลสหรัฐไม่พยายามปรับลดราคาบ้านลงมาจะทำให้ค่าเงินเฟ้อ CPI ที่แท้จริงขึ้นไปอยู่ที่ 12% แล้ว ไม่ใช่แค่ +8.5% และต่อไปนี้ในอนาคตทางรัฐบาลอาจจะพยายามปรับราคารถยนต์ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นเพราะปัญหาระบบห่วงโซ่อุปทานที่กำลังเกิดขึ้นอีกก็ได้ นอกจากนั้นทาง Burry ยังได้ทวีตออกมาย้ำอีกหนึ่งข้อความว่า เขายังคงยืนยันว่าฟองสบู่ตลาดหุ้นสหรัฐกำลังเป็นฟองสบู่ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา และใหญ่กว่าฟองสบู่วิกฤต Subprime หรือ Hamburger Crisis ที่เขาเคยทำนายถูกเมื่อปี 2008 กว่าเป็น 100 เท่า และเขายังคงยืนยันว่าฟองสบู่จะแตกในไม่ช้านี้ และการปกปิดข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐก็จะไม่สามารถช่วยอะไรไว้ได้เลย
สิ่งที่ Michael Burry มองมาแสดงความเห็นนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และหากมองในสถานการณ์จริงแล้วสภาพเงินเฟ้อที่กำลังเกิดขึ้นนี้ยังดูไม่ได้รับการแก้ไขที่ตรงจุด การที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นแค่การชะลอความร้อนแรงของเงินเฟ้อเท่านั้น แต่หากทำการใช้นโยบายที่ Hawkish หรือเข้มงวดเกินไปจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นได้ แต่ถ้าไม่ทำก็จะยิ่งเป็นการขยายฟองสบู่นี้ให้ใหญ่ยิ่งขึ้น ซึ่งดูแล้วไม่ทางใดก็ทางหนึ่งโอกาสที่จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในรอบใหม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้สูง และนั้นอาจจะเป็นปัจจัยที่ทองคำยังเป็นตัวเลือกแรกๆ ในการใช้ป้องกันความเสี่ยง
ทางด้านสถานการณ์ของสงครามความเคลื่อนไหวจากทางรัสเซีย Nikolai Shulginov รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซียได้ออกมากล่าวว่า "รัสเซียพร้อมที่จะขายน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปให้กับประเทศที่เป็นมิตรในระดับราคาไหนก็ได้ เพราะตอนนี้ประเทศรัสเซียมีความต้องการที่จะขายน้ำมันออกไปให้ได้มากที่สุด ไม่สนว่าราคาน้ำมันดิบจะต่ำกว่า 100 เหรียญต่อบาร์เรล หรือสูงกว่า $150 ต่อบาร์เรลก็ตาม ทางรัฐมนตรี Nikolai Shulginov ไม่ได้ระบุว่า "ประเทศที่เป็นมิตร" ที่เขากล่าวถึงหมายถึงประเทศใด แต่ในปัจจุบันทางจีนและอินเดีย เป็น 2 ประเทศที่กำลังซื้อน้ำมันจากรัสเซียได้ในราคาที่ถูกลงและถูกกว่าราคาตลาด นับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนขึ้น และจากการที่เมื่อวันอังคารประธานาธิบดี Vladmir Putin กล่าวว่า การเจรจาสันติภาพกับยูเครนสิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าสงครามอาจดำเนินต่อไปอีกนาน
จากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำทั้งสิ้น ส่งผลให้ราคาทองคำจึงมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อไปและมีแนวโน้มจะผ่านช่วงแนวต้านสำคัญที่ $2,000 ไปได้ แต่อย่างไรก็ตามควรระวังข่าวที่จะออกมาเพื่อสกัดความร้อนแรงของราคาเช่นกัน แนวรับของทองคำในช่วงนี้จึงอยู่ที่บริเวณ $1,950 - 1,960 เป็นจุดแรก
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง