ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยขึ้นไปแตะราคาสูงสุดของวันอยู่ที่ $1,969 ก่อนที่จะกลับลงมาทรงตัวอยู่บริเวณ $1,954 สถานการณ์ของทองคำและสินทรัพย์ทั่วโลกในตอนนี้กำลังอยู่ที่การปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed โดยราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจาก Charles Evans ประธาน Fed เมืองชิคาโกส่งสัญญาณว่าเขาจะไม่คัดค้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน 50 จุดในการประชุมของธนาคารกลางที่กำลังจะมีขึ้น
ในขณะที่ตลาดและนักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตามองตัวเลขเงินเฟ้อ หรือดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะประกาศออกมาในคืนวันนี้ และหลังจากที่ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนมาตลอดช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนมีนาคม ในที่สุดช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ตลาดหุ้นก็เริ่มถูกกดดันด้วยเรื่องความกังวลของค่าเงินเฟ้อ และการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed อย่างต่อเนื่อง และเริ่มทำให้ราคาทองคำกลับมาขยับอีกครั้งหลังจากสภาพคล่องเริ่มไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงกลับมาหาสินทรัพย์ปลอดภัย
โดยตลาดได้มีการเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จนทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี หรือ Bond Yield ดีดเฉียด 2.78% แล้ว ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปีนับตั้งแต่ปี 2019 (การขายพันธบัตร หมายความว่าความต้องการซื้อน้อยทำให้ Yield พันธบัตรยิ่งสูง) การที่พันธบัตรระยะยาวมีผลตอบแทนที่สูงขึ้น ก็ทำให้ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดัน เพราะพันธบัตรถือเป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ หากการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ก็แน่นอนว่าจะทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงถูกกดดันไปด้วย โดยดัชนี Dow Jones -0.75% ดัชนี S&P500 -1.3% ดัชนี Nasdaq -2% ในขณะที่ Bitcoin ก็ร่วง -4.5% จนหลุดระดับแนวรับสำคัญที่ $40,000 แล้ว เพราะการที่พันธบัตรระยะยาวมีผลตอบแทนที่สูงขึ้น ก็จะดึงเงินออกจากตลาด Cryptocurrency ที่นักลงทุนยังคงมองว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ นอกจากราคาทองคำและพันธบัตรรัฐบาลที่เริ่มปรับตัวขึ้นแล้ว ยังมีค่า U.S. Dollar index ที่ขยับสูงขึ้นเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าตลาดเข้ามาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ก่อนที่จะมีความชัดเจนจาก Fed หรืออย่างน้อยก็ก่อนที่จะมีการประกาศตัวเลข CPI หรือดัชนีวัดเงินเฟ้อของสหรัฐ ที่จะออกมาในช่วงค่ำวันนี้และต้องมาติดตามกันว่าตัวเลขจะสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +8.4% หรือไม่ หรือตัวเลขจะค่อยๆทยอยหักหัวลงมาจนเฉลี่ย +4% ในปีนี้อย่างที่ Goldman Sachs คาดการณ์ไว้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในด้านของสถานการณ์สงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ถึงแม้ช่วงนี้จะโดนสถานการณ์ของ Fed เข้ามาดึงความสนใจเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้านความขัดแย้งนี้ก็ยังไม่ได้มีท่าทีที่ดีขึ้น โดยความเคลื่อนไหวของทางรัสเซียมีรายงานว่า เตรียมเพิ่มทุนสำรอง 273.4 พันล้านรูเบิล หรือประมาณ 3.52 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างเสถียรภาพสู้การคว่ำบาตรตะวันตกก็เป็นที่น่าสนใจว่าเหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในปัจจัยโดยตรงที่ทำให้ราคาทองคำเริ่มปรับตัวขึ้นหรือไม่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่ารัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้ทองคำเป็น Reserve currency ของประเทศ และเป็นที่น่าสังเกตุว่าค่าเงินรูเบิลของรัสเซียในปัจจุบันกลับมายืนอยู่ในระดับก่อนเกิดสงครามแล้ว หลังจากอ่อนค่าไปมากในช่วงเริ่มการโจมตียูเครน ในขณะที่ปฏิบัติการทางด้านทหารรัสเซีย Sergey Lavrov ซึ่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียก็ได้กล่าวว่าจะไม่หยุดปฏิบัติการทางทหารในยูเครนสำหรับการเจรจาสันติภาพรอบต่อไปที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ทำให้สงครามยังคงดำเนินต่อไป “สงครามยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ชัดเจน และเห็นได้ชัดว่ามันกลายเป็นเรื่องระยะยาว” Carlo Alberto De Casa นักวิเคราะห์ตลาดของ Kinesis กล่าว
แนวโน้มด้านราคาทองคำวันนี้จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดจากการประกาศตัวเลข CPI ในคืนนี้ ถึงแม้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาราคาสามารถทะลุแนวต้านช่วง $1,965 ไปได้ แต่ก็ไม่สามารถทรงตัวเหนือระดับราคานั้นได้นาน ถึงแม้จะเป็นมุมมองและความเคลื่อนไหวที่มีแนวโน้มที่ดี แต่ต้องระวังการประกาศตัวเลขที่เป็นทางการออกมาอาจจะกดดันให้ราคาลงกลับไปที่บริเวณ $1,900 ได้ แต่อย่างไรก็ตามด้วยแนวโน้มที่ดีตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ทำให้มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อมากกว่าที่จะปรับตัวลง แต่ราคาควรขึ้นไปยืนเหนือ $1,965 ให้ได้หากจะมองถึงแนวต้านถัดไปที่บริเวณ $2,000
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง