ราคาทองคำขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาและยังทรงตัวอยู่ในบริเวณราคา $1,940 ในเช้าวันจันทร์นี้ ถึงแม้ว่าตลาดจะมีความกังวลของรายงานการปรับอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ในขณะที่ทางดัชนีค่าเงินดอลลาร์ก็แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020
ซึ่งได้รับแรงหนุนจากรายงานการประชุมนโยบายเดือนมีนาคมของ Fed เช่นกัน ซึ่งจากรายงานการประชุมนั้นแสดงให้เห็นว่าผู้กำหนดนโยบายหลายคนพร้อมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยทีละครึ่งจุดในการประชุมครั้งต่อไปเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐ ก็แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ทองคำที่มีผลกระทบโดยตรงและค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐ จะส่งผลทำให้สภาพคล่องบางส่วนไหลออกจากทองคำเพื่อไปถือสินทรัพย์อื่นที่มีผลตอบแทนมากกว่า อาจจะทำให้ราคาทองเสียโอกาสในการขึ้นต่อของราคาได้
อย่างไรก็ตาม Ricardo Evangelista นักวิเคราะห์อาวุโสของ Active Trades กล่าวว่า “ด้านหนึ่งเรามีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดจากสงครามในยูเครนและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ในอีกด้านหนึ่งเราเจอท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้นของ Federal Reserve และจนกว่าปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเหล่านี้จะมีความสำคัญเหนือกว่าปัจจัยอื่นๆ อย่างชัดเจน ราคาทองคำน่าจะยังคงทรงตัวอยู่ในช่วงปัจจุบัน” ในขณะที่เมื่อช่วงสุดสัปดาหที่ผ่านมา ทาง Goldman Sachs ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลกที่ได้คอยออกมาเตือนนักลงทุนให้ระวังเรื่องค่าเงินเฟ้อสหรัฐว่าจะมีความรุนแรงมากกว่าที่คาด และตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมานี้ ต้องบอกว่าทาง Goldman Sachs นั้นมีมุมมองที่ค่อนข้างตรงพอสมควร เพราะนอกจากคำเตือนของบริษัทจะถูกต้องแล้ว
ค่าเงินเฟ้อสหรัฐยังคงปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทะลุระดับสูงที่สุดในรอบ 40 ปีไปแล้ว ซึ่ง Goldman Sachs ยังเพิ่งออกมารายงานอีกว่าทางบริษัทสามารถการเก็งกำไรเรื่องค่าเงินเฟ้อสหรัฐจนได้กำไรไป 300 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านไปนี้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทาง Goldman Sachs ได้เริ่มออกมาปรับมุมมองที่เคยเตือนว่าค่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้นเรื่อยๆแล้ว ในรายงานล่าสุดทาง Goldman Sachs ได้ออกมาชี้ว่าพวกเขาเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และหลังจากที่เราได้เห็นค่าเงินเฟ้อสหรัฐโตมากกว่า +7% มาตลอดไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เราจะเห็นค่าเงินเฟ้อทยอยปรับตัวลดลงจนเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่แค่ 4% เท่านั้น
นอกจากนั้น Goldman Sachs ยังได้ชี้แทนว่า ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐจะย้ายจากเรื่องเงินเฟ้อสูง กลายเป็นเรื่องความเสี่ยงของเศรษฐกิจถดถอย หรือ Recession ในช่วงปีหน้าแทน ทำให้นักลงทุนยังไม่สามารถผ่อนคลายได้ซะทีเดียว
รวมถึงมีสิ่งที่ต้องจับตาในช่วงค่ำของวันอังคารที่ 12 เมษายน นี้ คือการประกาศตัวเลข CPI หรือดัชนีวัดเงินเฟ้อของสหรัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจปรับนโยบายของ Fed ที่จะออกมา
ในขณะที่ทางฝั่งของสถานการณ์สงครามก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพเพิ่มเติม ในขณะที่ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของยูเครนนั้นจะหดตัวเกือบครึ่งหนึ่งในปี 2022 เพราะสถานการณ์สงครามนี้ ล่าสุดนายกรัฐมนตรี Boris Johnson ของอังกฤษได้ไปเยือนยูเครนและพบปะกับประธานาธิบดี Zelenskiy รวมถึงทั้งคู่ยังได้เดินสำรวจกรุงเคียฟที่เสียหายจากการโจมตีด้วย โดยทาง Boris Johnson กล่าวว่า สหราชอาณาจักรจะเดินหน้าเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียทุกสัปดาห์เพื่อสนับสนุนยูเครน
แนวโน้มของราคาถึงแม้จะค่อยๆ มีการขยับตัวขึ้น แต่ราคาทองคำก็ยังไม่พ้นแนวต้านแรกที่กรอบ $1,960 สถานการณ์ในวันนี้อาจจะมีการเล่นข่าวของการปรับอัตราดอกเบี้่ย แต่อาจจะยังไม่เห็นราคาทะลุออกจากกรอบ $1,910 - 1,960 ที่เคลื่อนไหวมาตลอดทั้งสัปดาห์ก่อนได้ ก่อนที่จะมีการประกาศตัวเลข CPI อย่างเป็นทางการออกมา ณ เวลานั้นอาจจะมีความเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจนมากขึ้น
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง