หุ้นน้ำมันมีอะไรบ้าง? รวมลิสต์ 10 หุ้นน้ำมันต่างประเทศที่เทรดในสหรัฐ

หุ้นน้ำมันต่างประเทศได้ชื่อว่าเป็นหุ้นวัฏจักรที่มีวงจรขาขึ้นและขาลง ซึ่งในแต่ละวงรอบของวัฏจักรนั้นก็สามารถสร้างผลกำไรให้กับนักลงทุนที่เล็งเห็นโอกาสและจับจังหวะได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ดังเช่นตลอดสองสามปีที่ผ่านมาตลาดน้ำมันขึ้นชื่อว่ามีความผันผวนสูงที่สุดตลาดหนึ่ง นับจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในต้นปี 2020 ที่กดดันราคาน้ำมันต่ำลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มาจนถึงต้นปี 2022 เหตุกาณ์รัสเซียบุกยูเครนก็ผลักดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 13 ปี 

เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสการลงทุนในหุ้นน้ำมันต่างประเทศ คราวนี้เราจึงจะพาไปสำรวจอุตสาหกรรมหุ้นน้ำมันต่างประเทศ รวมไปถึง หุ้นน้ำมันมีอะไรบ้างและลิสต์หุ้นน้ำมันต่างประเทศ 10 ตัวที่น่าสนใจสำหรับเป็นทางเลือกในการลงทุนในรอบวัฏจักรราคาน้ำมันขาขึ้นกัน 

อุตสาหกรรมแก๊สและน้ำมัน แบ่งธุรกิจการดำเนินงานออกได้เป็น 3 ส่วน คือ 

 ●  อุตสาหกรรมต้นน้ำ (upstream) เป็นบริษัทน้ำมันที่ทำหน้าที่สำรวจและขุดเจาะ เพื่อน้ำแก๊สและน้ำมันดิบขึ้นมาจากแหล่งสำรวจ เพื่อเตรียมส่งให้กับอุตสาหกรรมขั้นต่อไป ซึ่งธุรกิจนี้มีความเสี่ยงมากจากต้นทุนอุปกรณ์ที่มีราคาสูง และสามารถชี้วัดความสำเร็จได้จากจำนวนแก๊ส/น้ำมันสำรองที่สำรวจได้ 

 ●  อุตสาหกรรมกลางน้ำ (midstream) เป็นหน่วยที่ทำหน้าที่ขนส่งน้ำมันดิบไปยังโรงกลั่น โดยธุรกิจจะเน้นในส่วนของการชิปปิ้ง การขนส่งผ่านท่อไปป์ไลน์ รวมทั้งธุรกิจคลังเก็บน้ำมัน 

 ●  อุตสาหกรรมปลายน้ำ (downstream) เป็นส่วนของธุรกิจโรงกลั่น ที่แยกส่วนประกอบของน้ำมันดิบออกเป็นส่วน ๆ ที่สามารถนำไปใช้กับจุดประสงค์แต่ละอย่างได้ รวมถึงธุรกิจจำหน่ายน้ำมัน เช่น ปั๊มน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน เป็นต้น

อย่างไรก็ดี บริษัทน้ำมันต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องแยกอุตสาหกรรมต่าง ๆ ออกจาก กัน และหลายครั้งบริษัทน้ำมันก็สามารถดำเนินอุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ไปพร้อมกันได้ โดยที่เรารู้จักกันในชื่อ Integrated Oil and Gas Company เช่น บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Chevron และ ExxonMobil และต่อจากนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ 10 หุ้นน้ำมันต่างประเทศที่เทรดในสหรัฐกัน

1. Exxon Mobil Corporation (XOM)

Exxon Mobil เป็นบริษัทพลังงานที่ก่อตั้งในปี 1882 โดย John D. Rockefeller ดำเนินธุรกิจน้ำมันแบบครบวงจรตั้งแต่อุตสาหกรรมปิโตรเลียมต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ได้แก่ธุรกิจขุดเจาะสำรวจ โรงกลั่น รวมถึงการกระจายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั้งน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และแก๊ส มาไว้ด้วยกัน โดยในปี 2021 บริษัทมีรายได้จากอุตสาหกรรมต้นน้ำคิดเป็นสัดส่วน 61.4% ของรายได้ทั้งหมด รายได้จากอุตสาหกรรมปลายน้ำคิดเป็น 8.2% และรายได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคิดเป็น 30.4% ทำรายได้รวมทั้งปี 2021 ที่ $306.87 พันล้าน

Exxon Mobil เป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาที่มีประวัติยาวนาน ดำเนินกิจกรรมผลิตน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติอย่างครบวงจร และเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่สามารถทำได้ หุ้นน้ำมันต่างประเทศตัวนี้จึงถูกมองเป็นหุ้นที่มีความมั่นคงสูงแม้จะเป็นหุ้นกลุ่มวัฏจักรก็ตาม นับถึงเดือนกรกฎา 2022 บริษัทมีกระแสเงินสดในมือกว่า $40.06 ล้าน มี PE คิดเป็น 14.44 เท่า และมีอัตราส่วนเงินปันผลที่ 3.94% 

ปี 2021 Exxon สามารถผลิตน้ำมันดิบได้ 3.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าตามราคาตลาด $385.8 พันล้าน ดำเนินงานทั่วโลกภายใต้แบรนด์ Esso, Exxon, Mobil และ ExxonMobil

2. Chevron Corporation (CVX)

Chevron Corporation เป็นอีกหนึ่งหุ้นน้ำมันต่างประเทศที่ดำเนินธุรกิจผลิตน้ำมันแบบครบวงจร (Integrated Oil) คือ มีการผลิตน้ำมันดิบตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำ ได้แก่ การสำรวจ ขุดเจาะ การผลิตน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ โดยบริษัทดำเนินการขุดเจาะใน อเมริกา, ออสเตรเลีย, ไนจีเรีย, แองโกล, คาซัคสถาน และอ่าวแม็กซิโก ในส่วนอุตสาหกรรมปลายน้ำ Chevron ผลิตทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น รวมถึงผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี นอกจากนี้ยังดำเนินธุรกิจพลังงานทางเลือกที่มาจากแสงแดด ลม ชีวมวล และพลังงานจากไฮโดรเจน 

ปี 2022 Chevron สามารถผลิตน้ำมันดิบได้ 3.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้กำไรจากอุตสาหกรรมต้นน้ำคิดเป็น 84.4% ของกำไรทั้งหมด และกำไรจากอุตสาหกรรมปลายน้ำคิดเป็น 15.6% ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าตามราคาตลาด $293.26 พันล้านและเป็นบริษัทน้ำมันสัญชาติอเมริกาที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก Exxon

ปี 2021 Chevron ทำกำไรได้ $ 176.84 พันล้าน รายงานกำไรสุทธิที่ $15.62 พันล้าน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ $10.66 มีกระแสเงินสดในมือ $25.28 พันล้าน และคาดว่าปีนี้จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ราว 3.8%

3. ConocoPhillips (COP)

เป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของอเมริกาที่มีฐานอยู่ในรัฐเท็กซัส มีธุรกิจโรงกลั่นที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก โดยบริษัทประกอบกิจการพลังงานประเภทต้นน้ำและปลายน้ำทั้งในส่วนการสำรวจขุดเจาะ ผลิต และโรงกลั่น ConocoPhillips มีการดำเนินการผลิตน้ำมันใน 14 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา (คิดเป็นการผลิตน้ำมัน 49% ของการผลิตทั้งหมดในปี 2019), นอร์เวย์, แคนาดา, ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย, การ์ตา, มาเลเซีย, จีน และลิเบีย ณ สิ้นปี 2021 บริษัทมีแหล่งน้ำมันสำรองทั้งสิ้น 6.1 พันล้านบาร์เรล และมีกำลังการผลิตน้ำมันราว 1.56 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ConocoPhillips มีโครงสร้างรายได้จากน้ำมันดิบ 53% แก๊สธรรมชาติ 34%, NGL 9% และ Bitumen 4% และมีจุดเด่นที่การบริหารพอร์ตการลงทุนที่มีคุณภาพและมีงบการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถทนทานต่อความผันผวนของราคาน้ำมันในวัฏจักรสินค้าโภคภัณฑ์ได้ดี ด้วยด้วยกระแสเงินสดที่มีอยู่ในมือราว $ 5.4 พันล้าน และอัตรส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 31%

ปี 2021 ConocoPhillips มีมูลค่าตามราคาตลาดที่ $120.64 พันล้าน มีรายได้ $53.76 พันล้าน รายงานกำไรสุทธิที่ $ 8.08 พันล้าน คิดเป็นรายได้ต่อหุ้นที่ $9.71 ด้วยอัตราเงินปันผลที่ 3.01% ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ PE 8.65 เท่า

4. BP PLC ADR (BP)

BP เป็นบริษัทพลังงานที่ใหญ่ติดอันดับหนึ่งในเจ็ดของโลก ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตน้ำมันและแก๊สในแนวดิ่งที่รวบทั้งการสำรวจ ขุดเจาะ ผลิต กลั่น ไปจนถึงการตลาดและการจัดจำหน่าย บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ในอังกฤษและดำเนินธุรกิจใน 80 ประเทศทั่วโลก โดยมีกำลังการผลิตในปี 2021 ราว 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำธุรกิจภายใต้แบรนด์ Amoco, Aral, ARCO, BP, BP Connect และ Castrol

ปี 2010 แท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon ในอ่าวแม็กซิโกเกิดอุบัติเหตุระเบิด ส่งผลให้น้ำมันกว่า 200 ล้านแกลลอนรั่วไหล และกลายเป็นคดีที่ BP ต้องจ่ายค่าปรับ $40 พันล้านเหรียญ โดยที่ยังไม่รวมค่าทำความสะอาดและค่าดำเนินการอื่น จนบริษัทต้องปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อบริหารสินทรัพย์ที่มีให้เพียงพอต่อการดำเนินการและค่าปรับ ด้วยการหาพันธมิตรใหม่และขายกิจการบางส่วนออกไป ปัจจุบัน BP เริ่มขยายธุรกิจไปยังส่วนอื่น ๆ เช่น พลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าหมายการเป็นสถานีชาร์จรถ EV ให้ได้มากกว่า 100,000 สถานีในปี 2030 

แม้ในปี 2021 บริษัทมีรายได้ $172.45 พันล้าน ยังคงดำเนินธุรกิจติดลบ คิดเป็นกำไรต่อหุ้น -$0.877 และเทรดอยู่บน PE -5.23 เท่า แต่อัตราส่วนเงินปันผลที่ PB จ่ายให้กับนักลงทุนที่ 4.53% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม 

5. EOG Resources (EOG)

EOG Resources เป็นบริษัทพลังงานที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเท็กซัส ทำธุรกิจพัฒนา ผลิต และการตลาด สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมัน แก๊สธรรมชาติ และแก๊สเหลว โดยมีกำลังการผลิตน้ำมันราว 3.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งกำลังการผลิตกว่า 98% นั้นอยู่ในสหรัฐเอง นอกจากนี้ยังมีการผลิตในประเทศอื่น ๆ อีกเล็กน้อย ได้แก่ แคนาดา, ตรินิแดด & โทเบคโค, จีน และโอมาน 

แม้ EOG Resources จะมีอัตราการจ่ายปันผลไม่มากที่ 2.85% แต่บริษัทก็มีงบการเงินที่แข็งแกร่งด้วยการบริหารกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพที่ $11.8 พันล้าน เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอ และยังเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ของกองทุนหลายกองที่มองว่า EOG จะยังได้ประโยชน์จากสภาวะการตึงตัวของอุปทานน้ำมันจากความขัดแย้งของรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งราคาหุ้นในปัจจุบันยังคงถูกว่าที่ควรจะเป็น

ปี 2021 EOG มีรายได้ $ 18.8 พันล้าน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ $7.49 ปัจจุบันเทรดบน PE 14 เท่า ซึ่งเป็นราคาที่บวกจากปีที่แล้ว 46.51%

6. Occidental Petroleum Corporation (OXY) 

Occidental Petroleum Corporation เป็นบริษัทพลังงานสัญชาติอเมริกันที่ทำธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมัน แก๊สธรรมชาติ รวมถึงปิโตรเคมี เช่น เคมีทั่วไปและไวนิล นอกจากนี้ยังทำธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่ง และคลังเก็บน้ำมัน/แก๊ส/คาร์บอนไดออกไซด์/พลังงาน บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเท็กซัส ทำธุรกิจขุดเจาะสำรวจน้ำมัน-แก๊สธรรมชาติในอเมริกา ตะวันออกกลาง และโคลัมเบีย ในส่วนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้ดำเนินการในสหรัฐ แคนาดา และชิลี โดยมีกำลังการผลิตน้ำมันราว 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่แห่งนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนด้วยการเป็นหุ้นน้ำมันต่างประเทศที่มีการเติบโตสูง ทั้งในส่วนของผลกำไร กระแสเงินสด และยังคาดว่าจะสามารถปรับประมาณการผลกำไรขึ้นได้อีกด้วย โดยปี 2021 OXY มีรายได้     $29.15 พันล้าน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น $6.6 คิดเป็นการเติบโต 24% โดยที่มีราคาหุ้นปรับตัวบวกจากปีที่แล้วกว่า 133% นอกจากนี้บริษัทยังมีกระแสเงินสดในรอบ 3 – 5 ปี เติบโตเฉลี่ย 25.5% ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งอื่น ๆ ที่มีการเติบโตของกระแสเงินสดเพียง 16.6% 

ปัจจุบัน OXY เทรดบน PE 9.19 ซึ่งยังเป็นราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งอื่น ๆ อย่าง Exxon หรือ Chevron ที่เทรดอยู่บน PE ราว 14 – 15 เท่า

7. Schlumberger (SLB)

ขณะที่หุ้นน้ำมันต่างประเทศตัวอื่น ๆ มีจุดเด่นที่การทำอุตสาหกรรมน้ำมันแบบครบวงจร Schlumberger มีความแตกต่างจากหุ้นน้ำมันต่างประเทศตัวอื่น ๆ ตรงที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการขุดเจาะน้ำมัน และได้ชื่อว่าเป็นบริษัทขุดเจาะน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของโลก Schlumberger มีเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองการคัดแยก การขุดเจาะ การผลิต รวมทั้งการดำเนินการอื่น ๆ ของอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ โดยบริษัทมุ่งเน้น 4 ด้าน คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การก่อสร้างที่แข็งแรง และระบบการผลิตที่มีคุณภาพ

ปี 2021 Schlumberger มีรายได้ $ 24.81 คิดเป็นกำไรต่อหุ้น $1.86 และมีอัตราการจ่ายปันผลที่ 1.96% ซึ่งการมีจุดเด่นที่การเป็นหุ้นน้ำมันต่างประเทศที่ไม่ได้มีรายได้อ้างอิงกับความผันผวนขอวัฏจักรราคาน้ำมันโลกทำให้หุ้นน้ำมันตัวนี้ค่อนข้างทนทานต่อความผันผวนของราคาน้ำมันได้ดีกว่าหุ้นน้ำมันตัวอื่น ๆ โดยราคาหุ้นที่เทรดในปัจจุบันมีการบวกขึ้นมาจากปีที่แล้วเพียง 21.79% ด้วยมูลค่าตามราคาตลาดปัจจุบันที่ $50.5 พันล้าน

8. Valero Energy (VLO)

Valero Energy เป็นบริษัทพลังงานสัญชาติสหรัฐที่มีสำนักงานใหญ่ในเท็กซัส ดำเนินธุรกิจการกลั่น การขนส่งน้ำมัน การตลาด และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีระดับโลก ดำเนินการในทั้งสหรัฐ แคนาดา และเวลส์ โดยเป็นเจ้าของโรงกลั่นกว่า 15 แห่ง มีธุรกิจที่แบ่งออกเป็นสามส่วน คือ โรงกลั่น ที่มีส่วนของการกลั่น การตลาด และการขนส่ง, การผลิตเอธานอล ที่รวมทั้งการผลิต การตลาด การขนส่ง และกิจกรรมอื่น ๆ ที่สนับสนุน รวมถึงธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดำเนินการภายใต้บริษัท Diamond Green Diesel และมีกำลังการผลิตน้ำมันกว่า 3.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และยังเป็นเจ้าของวินด์ฟาร์มที่มีกำลังการผลิตกว่า 50 เมกะวัตต์ในเท็กซัสด้วย

แม้ Valero Energy จะไม่ใช่หุ้นน้ำมันต่างประเทศขนาดใหญ่ที่ทำธุรกิจแบบครบวงจร แต่จุดเด่นของบริษัทนี้ยังอยู่ที่อัตราการจ่ายปันผลที่ยังอยู่ในระดับสูง และแม้บริษัทจะเป็นหุ้นวัฏจักรแต่ก็ยังสามารถบริหากระแสเงินสดเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับนักลงทุนได้ นอกจากนี้บริษัทยังมีงบการเงินที่แข็งแกร่ง บนมูลค่าที่น่าสนใจ

ปี 2021 Valero Energy มีรายได้ $155.61 พันล้าน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น $6.21 และสามารถจ่ายปันผลได้ 3.58% ราคาปัจจุบันเทรดอยู่บน PE 17.23 เท่า โดยมีการปรับตัวขึ้นของราคาในรอบ 1 ปีที่ +62.72%

9. Phillips 66(PSX)

Phillips 66 เป็นบริษัทพลังงานข้ามชาติที่มีสำนักงานใหญ่ในเท็กซัส และก่อตั้งขึ้นจากการแยกธุรกิจอุตสาหกรรมพลังงานต้นน้ำและปลายน้ำจากการควบรวมกับ Conoco บริษัท Phillips 66 จึงดำเนินกิจกรรมใน 4 ส่วน คือ โรงกลั่น สำหรับกลั่นน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ ให้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง, อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ผลิตปิโตรเคมีและพลาสติกที่เกี่ยวข้อง, อุตสาหกรรมกลางน้ำ ได้แก่ ท่อส่งน้ำมันและแก๊ส, รวมถึงการตลาดที่เป็นการค้าปลีกน้ำมันและธุรกิจปั๊มน้ำมัน โดยบริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ในทั้งอเมริกา ออสเตรเลีย อังกฤษ เยอรมัน ออสเตรีย และสวิสเซอร์แลนด์ โดยมีกำลังการผลิตที่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และมีการผลิตปิโตรเคมีเป็นปัจจัยผลักดันผลกำไรหลักของบริษัท 

นอกจากการเป็นเจ้าของระบบท่อส่งน้ำมัน/แก๊สธรรมชาติยาวกว่า 22,000 ไมล์ในสหรัฐ และโรงงานปิโตรเคมีอีกกว่า 28 แห่งทั่วโลก Phillips 66 ยังมีงบการเงินที่แข็งแกร่งและเริ่มกลับเข้าสู่จุดเดิมก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโควิดได้แล้ว บริษัท ทั้งยังมีหนี้ต่ำด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 0.6525 และสภาพคล่องสูงที่ $8.8 พันล้าน

ปี 2021 Phillips 66 มีรายได้ $126.03 พันล้าน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น $5.75 และสามารถจ่ายปันผลได้ 4.41% ราคาปัจจุบันเทรดอยู่บน PE 14.27 เท่า โดยมีการปรับตัวขึ้นของราคาในรอบ 1 ปีที่ +16.76%

10. Halliburton (HAL)

Halliburton เป็นอีกหนึ่งหุ้นน้ำมันต่างประเทศที่มีสำนักงานใหญ่ในเท็กซัส ทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิต ขุดเจาะ และประเมินภาคส่วน โดยมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีขุดเจาะแบบไฮโดรลิคเป็นพิเศษ และเคยเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในการให้บริการกับแท่นขุดเจาะมาแล้ว จึงทำให้บริษัทนี้ค่อนข้างไปในการดำเนินธุรกิจวิศวกรรมสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันมากกว่า เนื่องจากแหล่งรายได้หลักของบริษัทนี้มาจากสองส่วน ได้แก่ รายได้จากฝั่งการผลิต คิดเป็นสัดส่วน 54% ของรายได้บริษัททั้งหมด และรายได้จากการขุดเจาะ คิดเป็น 45% ของรายได้บริษัทั้งหมดในปี 2021 

สำหรับฐานะทางการเงิน บริษัทยังมีงบการเงินที่ดี มีกระแสเงินสดเมื่อสิ้นปี 2021 ที่ $2.6 พันล้าน และมีรายได้ทั้งปีที่ $17.5 พันล้าน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ $1.59 ปัจจุบันราคาหุ้น Halliburton เทรดบน PE 17.95 เท่า เป็นการปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 35.8% นับจากปีที่แล้ว

และคราวนี้เราก็ได้มาทำความรู้จักกับหุ้นน้ำมันต่างประเทศทั้ง 10 ตัวที่เรานำมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งหุ้นน้ำมันแต่ละตัวแม้จะดำเนินธุรกิจในกลุ่มเดียวกัน แต่ก็มีลักษณะและขอบเขตการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกัน ทำให้วัฏจักรราคาน้ำมันนั้นมีผลกระทบต่อหุ้นแต่ละตัวแตกต่างกันออกไปด้วย การบริหารสภาพคล่องด้วยการสร้างกระแสเงินสดสำหรับบริษัทเหล่านี้จึงค่อนข้างมีความสำคัญเพื่อให้บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอแม้ในช่วงวัฏจักรขาลง และสำหรับในช่วงที่ราคาน้ำมันแรลลี่เราก็หวังว่านักลงทุนก็จะไม่ตกขบวนด้วยลิสต์หุ้นน้ำมันต่างประเทศที่เรานำมาฝากกันในครั้งนี้