Mitrade Insights ทุ่มเทเพื่อให้นักลงทุนได้รับข้อมูลทางการเงินที่ครบถ้วน ทันเวลา และมีคุณค่ามากที่สุด เพื่อช่วยให้นักลงทุนเข้าใจสถานการณ์ตลาดและคว้าโอกาสในการซื้อขายได้ทันท่วงที
    2021
    ผู้ให้บริการข่าวและการวิเคราะห์ที่ดีที่สุด
    FxDailyInfo
    2022
    แหล่งข้อมูลการศึกษา Forex ที่ดีที่สุดทั่วโลก
    International Business Magazine

    ซื้อหุ้น Tesla ยังไง? แนะนำวิธีการซื้อหุ้นเทสลา พร้อมการวิเคราะห์หุ้น Tesla ปี 2023,2025,2030

    3 นาที
    อัพเดทครั้งล่าสุด 23 ส.ค. 2566 07:06 น.

    การเติบโตของเทคโนโลยีและการตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นปัจจัยผลักดันให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้ EV มากขึ้นผลักดันยอดขาย EV ทั่วโลกแตะ 10 ล้านคันในปี 2022 ในอีกด้านหนึ่งฝั่งผู้ผลิตก็กำลังทำสงครามราคากันอย่างดุเดือด แล้วเบอร์หนึ่งของวงการอย่าง Tesla จะยังน่าสนใจเหมือนที่เคยเป็นหรือไม่ คราวนี้เราจะมาเล่าถึงวิธีซื้อหุ้น Tesla ยังไง และการแนะนำวิธีการซื้อหุ้นเทสลา พร้อมการวิเคราะห์หุ้น Tesla ปี 2023 - 2025 – 2030 มาให้ได้ดูกัน

    ทำความรู้จัก Tesla (TSLA)

    Elon Musk


    Tesla เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกา ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกรกฎา 2003 โดย Martin Eberhard และ Marc Tarpenning ปีต่อมาบริษัทก็ถูกเปลี่ยนมือมาสู่ Elon Musk โดยเขาเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทด้วยเงินลงทุนกว่า 6.5 ล้านเหรียญ และกลายมาเป็น CEO ในปี 2008 จากนั้นอีก 5 ปี Tesla ก็เริ่มทำกำไรครั้งแรก (Turnaround) ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งทะยานจาก $8 มาทำจุดสูงสุดที่ $38.85 หรือเกือบ 500% ในเวลาเพียง 6 เดือน 


    ประวัติศาสตร์รถ EV ของ Tesla เริ่มต้นในปี 2009 ด้วยการส่ง Roadster รถสปอร์ต EV ออกมาเป็นคันแรก และสามารถส่งมอบรถได้กว่า 147 คันในปีเดียวกัน ตามมาด้วยการนำบริษัทเข้าเทรดในตลาด NASDAQ ในช่วงกลางปี 2010 และถัดมาในปี 2012 และ 2015 Tesla ก็เปิดเริ่มเปิดตัวซีรีส์อื่น ๆ อย่างรถสปอร์ตซีดาน Model S และ รถ SUV Model X ตามลำดับ ในปี 2015 บริษัทยังเปิดตัวเทคโนโลยี Powerwall ซึ่งเป็นอุปกรณ์จัดเก็บกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ในบ้าน รวมถึง Powerpack ที่ใช้ในอุตสาหกรรมด้วย


    ปี 2016 Tesla เริ่มขยายเป้าหมายผลิตภัณฑ์ด้วยการเข้าเทคบริษัทติดตั้งโซลาเซลเพื่อมาเป็นส่วหนึ่งของบริษัทย่อยที่ผลิตโปรดักส์พวกแบตเตอร์รี่เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ยุคของพลังงานแสงอาทิตย์ตามไปด้วย และในปี 2017 บริษัทก็เปิดตัว EVรุ่นใหม่ Tesla Model 3 ที่มากับลุคสปอร์ตซีดาน ที่มาพร้อมกับยอดจองถล่มทลายกว่า 455,000 คัน ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในระบบการผลิต และแน่นอนว่าส่งผลต่อราคาหุ้นด้วยเช่นกัน


    บริษัทเริ่มขยายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นในปี 2019 โดยพุ่งเป้าไปที่ประเทศจีนที่เป็นแหล่งแรร์เอิร์ทและแรงงานราคาถูกของโลก และในปีถัดมาก็เริ่มเปิดโรงงานใหม่ในเยอรมันและอีกหนึ่งแห่งในเท็กซัส-สหรัฐด้วย และเปิดตัว Cybertruck ที่เสนอรูปแบบของรถกระบะ EV เป็นเจ้าแรก 


    แม้ในปี 2020 การแพร่ระบาดของโควิดจะก่อให้เกิดปัญหาโรงงานการผลิตอยู่บ้างร่วมกับตลาดรถ EV เติบโตชะงักเพียง 9% แต่ Tesla ก็ยังเปิดตัวรถ  crossover Tesla Model Y ออกมาให้เป็นทางเลือกของผู้ใช้ พร้อมมูลค่าตามราคาตลาดของหุ้นที่เริ่มแซงหน้าบริษัทรถยนต์เจ้าใหญ่ในตลาดอย่าง BMW, Daimler หรือ Volkswagen และในปี 2021 มูลค่าตามราคาตลาดของ Tesla ก็พุ่งขึ้นแต่ $1 ล้านล้าน เป็นครั้งแรก กลายเป็นบริษัทที่ 6 ในตลาดหุ้นสหรัฐที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงกว่า $1 ล้านล้านขึ้นไป


    แม้การแพร่ระบาดของ Covid-19 จะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะงักงัน แต่การขยายตัวของกำลังการผลิตรถ EV ของ Tesla เพิ่งเริ่มต้น ในปี 2019 บริษัทมียอดส่งมอบรถที่ 3.67 แสนคันต่อปี ในสิ้นปี 2022 ยอดการส่งมอบรถก็กระโดดขึ้นมาอยู่ที่ 1.3 ล้านคันต่อปี และภายหลังการยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในปี 2021 Tesla ย้ายสำนักงานใหญ่จากแคลิฟอเนียไปยังเท็กซัส แต่ก็ยังใช้แคลิฟอเนียเป็นโรงงานผลิตที่สำคัญอยู่ โดยเฉพาะบริษัทได้ใช้ที่นี่เปิดโรงงานขนาดใหญ่เพื่อผลิตแบตเตอรี่  Megapack 


    ในปี 2022 Tesla ยังพยายามสร้างการเติบโตด้วยการกระจายการผลิตไปยังโรงงานในส่วนอื่น ๆ ของโลก เช่น โรงงานในเบอร์ลินของประเทศเยอรมันที่จะผลิต EV ป้อนตลาดในยุโรป ต่อเนื่องไปยังปี 2023 ก็เปิดโรงงานผลิต EV ในเซี่ยงไฮ้ซึ่งจะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้กว่า 2 ล้านคันต่อปี และในปีเดียวกันนั้น Elon Musk ยังประกาศแผนการสร้างโรงงานในแม็กซิโกที่จะสามารถเปิดใช้งานได้ในปี 2025 พร้อมการเจรจาตั้งโรงงานเพิ่มในอินเดีย อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้


    ปลายตุลาคม ปี 2022 มีเหตุการณ์สำคัญที่กระทบราคาหุ้น Tesla อย่างสำคัญจากการที่บริษัทปิดดีลเข้าซื้อ Twitter ด้วยมูลค่า $44 พันล้าน สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนถึงผลกระทบต่อบริษัท หุ้น Tesla ร่วงลงจาก $228.52 มาอยู่ที่ $108 ในสองเดือน ถึงอย่างนั้นที่สุดแล้วราคาหุ้น Tesla ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานและแกนธุรกิจหลักของบริษัทที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจนตามมาด้วยการเพิ่มขึ้นของคู่แข่งโดยเฉพาะผู้ผลิต EV จากจีน เช่น BYD, Nio, Li Auto, Rivian, และ Lucid และทำให้เกิดสงครามราคาที่บีบให้ส่วนต่างของรายได้และต้นทุนให้ลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลักดันให้ Tesla ต้องฉกฉวยโอกาสจากการเพิ่มปริมาณการผลิตที่รวดเร็วกว่าแทน


    อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ปี 2018 หุ้น Tesla ยังคงปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 953.31% เฉพาะในปี 2023 อย่างเดียวราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 90% พร้อมกับที่บริษัทรายงานผลประกอบการครึ่งปีแรก 2023 ไว้ที่ $48,256 ล้าน เกินครึ่งทางไปแล้วเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งปีที่รายงานไว้ในปี 2022 ที่ทำรายได้ไว้ $81,462 ล้าน 


    ปัจจุบัน Tesla มีมูลค่าตามราคาตลาดที่ $7.44 แสนล้าน มากกว่ามูลค่าตามราคาตลาดของค่ายรถยนต์ที่รู้จักดีอย่าง Toyota กว่า 2.3 เท่า, มากกว่า Ford และ GM กว่า 14 – 15 เท่า


    รถยนต์ไฟฟ้าตามมูลค่าตลาด


    โครงสร้างธุรกิจและแนวโน้มผลประกอบการของบริษัท Tesla

    Tesla เป็นบริษัทออกแบบพัฒนาและผลิตยานยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์ผลิต/เก็บพลังงาน และบริการที่เกี่ยวข้อง ด้วยการจำหน่ายกับลูกค้าโดยตรงแบบไม่มีตัวกลาง ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทยังมาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้ากว่า 85% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเราจะมาลงรายละเอียดในแต่ละส่วนธุรกิจต่อไปดังนี้


    1. ธุรกิจยานยนต์

    ประกอบด้วยการออกแบบ พัฒนา และผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันคิดเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทด้วยส่วนแบ่งกว่า 85% นับตั้งแต่เริ่มแรก Tesla ผลิต EV ออกจำหน่ายแล้ว 4 รุ่น และกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาอีก 1 รุ่นได้แก่


    • Tesla Model S เปิดตัวในปี 2012 และได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันถูกพัฒนาให้วิ่งได้ไกลกว่า 405 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และกำลังพัฒนา Model S refrash ที่ปรับเปลี่ยนการตกแต่งภายในใหม่ให้ตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น


    • Tesla Model X เปิดตัวมาในปี 2012 พร้อมกับ Model S แต่เพิ่งมีการส่งมอบถัดมาอีก 3 ปีให้หลัง โดยรถรุ่นนี้มีจุดเด่นที่นอกจากเป็นรถสปอร์ตไฟฟ้าแล้ว ยังมีการออกแบบประตูรถแบบปีกนกให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวมากขึ้น


    • Tesla Model 3 สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ใช้ตั้งแต่การเปิดตัวรถ EV ในรูปแบบซีดานและดึงราคารถ EV ในรอบจองให้สูงได้กว่า $35,000 เป็นครั้งแรก จนเปิดตัวในปี 2017 ก็สร้างยอดขายได้อย่างถล่มทลายและมีการส่งมอบได้กว่า 1 ล้านคันในเวลาเพียง 4 ปี


    • Tesla Model Y ถูกออกแบบให้เป็นรถ SUV ไซส์กลางที่เริ่มส่งมอบให้กับผู้ใช้เมื่อปี 2020 และเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมสูง


    • Tesla Cybertruck เป็นผลิตภัณฑ์ล่าสุดจาก Tesla ที่ประกาศการผลิตมาตั้งแต่ปี 2019 และเลื่อนการเปิดตัวออกมาเรื่อย ๆ ล่าสุดในปี 2022 รถไฟฟ้าที่เป็นรถกระบะก็เผยโฉมอย่างเป็นทางการและสร้างยอดขายในรอบจองไปได้เกินกว่า 500,000 คันในเวลาไม่ถึงปี 


    • Tesla Semi ผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุดที่อยู่ในขั้นพัฒนาโดยมีการเปิดเผยข้อมูลออกมาตั้งแต่ปี 2020 ว่าจะถูกพัฒนาให้เป็นหัวรถลากเพื่อใช้ขนส่งในภาคการผลิตโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าแก๊สในการขนส่งไปได้กว่า $200,000 อย่างไรก็ดีรถรุ่นนี้ยังอยู่ในขั้นพัฒนาที่ไม่เปิดตัวมาให้ใช้จริง ๆ


    แม้การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มดุเดือดขึ้นจากผู้ผลิตเจ้าใหม่ ๆ ที่เข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด แต่ยอดขายยานยนต์ของ Tesla ก็ยังสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยสร้างรายได้ให้กับบริษัท $24,604 ล้านในปี 2020, $44,125 ล้านในปี 2021 และ $67,210 ล้านในปี 2022 ตามลำดับ


    2. ธุรกิจอุปกรณ์ผลิตพลังงานและอุปกรณ์จัดเก็บพลังงาน

    เป็นส่วนสนับสนุนธุรกิจหลักที่เป็นยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการสร้างโรงงานผลิตแบตเตอร์รี่และแตกไลน์สู่เทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อผลิตกระแสไฟเอง เช่น ผลิตภัณฑ์แผงโซลาร์, Tesla Solar Roof, รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงอย่างอุปกรณ์จัดเก็บกระแสไฟฟ้าภายในบ้านอย่าง Powerwall และอุปกรณ์จัดเก็บกระแสไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมอย่าง Powerpack และ Megapack


    ธุรกิจส่วนนี้คิดเป็นส่วนแบ่งรายได้เพียง 5% ของรายได้รวมของทั้งบริษัท แต่เป็นหน่วยธุรกิจที่สำคัญและมีความจำเป็นที่สนับสนุนให้รถไฟฟ้าถูกนำมาใช้ได้จริงด้วยต้นทุนเชื้อเพลิงที่ถูกลงและสะอาดขึ้น ในปี 2021 ธุรกิจอุปกรณ์ผลิตพลังงานและอุปกรณ์จัดเก็บพลังงานสร้างรายได้ให้กับบริษัท $1,477 ล้าน ก่อนเพิ่มมาเป็น $ 3,376 ล้านในปี 2022


    3. บริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

    นอกจากนี้ Tesla ยังมีบริการอื่น ๆ เช่น แอปพลิเคชั่นและซอฟต์แวร์รถยนต์ไร้คนขับ ประกัน และสถานีชาร์จไฟ และจากรายงานของบริษัท รายได้จากส่วนนี้คิดเป็น 10% ของรายได้รวมทั้งบริษัทซึ่งในปี 2022 รายงานตัวเลขสิ้นปีไว้ที่ $6,091 ล้าน 


    นับถึงสิ้นปี 2022 Tesla มีสถานีชาร์จไฟแล้วกว่า 4,947 สถานี ให้บริการรวม 45,169 หัวชาร์จ คิดเป็นการเติบโต 33% YoY


    ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา Tesla ถือเป็นบริษัทสตาร์ทอัปที่อาศัยเงินลงทุนในการดำเนินกิจการ จนสามารถทำกำไรครั้งแรกได้ในปี 2020 โดยรายงานผลกำไร $862 ล้าน พลิกเป็นกำไรจากผลขาดทุน $-775 ล้านในปี 2021, คิดเป็นกำไร $5.524 พันล้านในปี 2021 และ $12.587 พันล้านในปี 2022 พร้อมกับราคาหุ้นที่เริ่มถีบตัวขึ้นจาก $24 การเติบโตนี้สนับสนุนด้วยยอดส่งมอบรถที่เพิ่มขึ้นจาก 3.76 แสนคันในปี 2019 มาเป็น 1.313 ล้านคันในปี 2022 ซึ่งแม้ธุรกิจจถูกกดดันด้วยการแข่งขันจากผู้ผลิตหน้าใหม่ในตลาด การเติบโตที่แข็งแกร่งนี้ทำให้ Tesla เป็นผู้นำตลาดที่มีความสามารถในการปรับลดราคาและเพิ่มปริมาณการส่งมอบรถจากการขยายฐานการผลิตไปยังประเทศต่าง ๆ และกลายเป็นผู้ที่ได้เปรียบในสนามการแข่งขันนี้  


    สิ้นปี 2022 Tesla รายงานตัวเลขรายได้ทั้งปีที่ $81.5 พันล้าน เพิ่มขึ้น 51.1% YoY และรายงานผลกำไรที่ $12.583 พันล้าน เติบโตขึ้น 127.79% YoY ด้วยตัวเลขการส่งมอบรถสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.313 ล้านคัน


    การวิเคราะห์หุ้น Tesla ปี 2023 - 2025 - 2030


    กราฟแสดงราคา TSLA แบบเรียล์ไทม์


    การวิเคราะห์หุ้น Tesla ทางปัจจัยพื้นฐาน

    เดิม Tesla อาจเรียกว่าเป็นหุ้นขายฝันที่ไม่สามารถทำกำไรได้ แต่นับตั้งแต่ปี 2020 ที่บริษัทเริ่มพลิกมาทำกำไรได้และมีแนวโน้มจะสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่องทำให้ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนี้กลายมาเป็นจุดแข็งในการลงทุนหุ้น Tesla มากไปกว่าโปรเจกต์ที่บริษัทวางไว้ว่าจะทำ และนี่คือจุดเด่นของ Tesla ที่ทำให้หุ้นตัวนี้น่าสนใจ


    • Tesla มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งด้วยกระแสเงินสดสูงและมีสัดส่วนหนี้ต่อสินทรัพย์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สิ้นปี 2022 Tesla รายงานงบการเงินด้วยกระแสเงินสดคงเหลือที่ $16,924 ล้าน ขณะที่มีหนี้สินและสินทรัพย์ที่ $5.74 พันล้านและ $82.338 พันล้านตามลำดับ ทำให้สิ้นปี 2022 Tesla มีสัดส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์คงเหลือเพียง 7.0% ลดลงจากปี 2018 ที่มีสัดส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์สูงถึง 46.5%


    • Tesla เทรดบน PE สูงสะท้อนศักยภาพและความคาดหวังของนักลงทุน ณ ราคาปัจจุบัน Tesla ถูกเทรดบนค่า PE กว่า 60 เท่า ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกสำหรับการเทรดหุ้นเติบโตที่หากมีรายได้เติบโตได้ต่อเนื่องค่า PE ที่เทรดกันอยู่สามารถลดลงได้ในอนาคต แสดงถึงการคาดการณ์ของนักลงทุนต่อการเติบโตของรายได้ของบริษัทในอนาคต


    • Tesla ให้ผลตอบแทนต่อทุน (ROE) ในสัดส่วนสูง ปัจจุบัน Tesla มี ROE สูงกว่า 27.29% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ROE ของ S&P ในรอบ 12 เดือนย้อนหลังที่อยู่ราว 21.17%


    • Tesla มี Gross Margin สูงที่ 28.5% เทียบกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าอื่นอย่าง BYD ที่มี Gross Margin ราว 16– 17% 


    โดยภาพรวม Tesla มีสองส่วนที่สำคัญสำหรับการลงทุน คือ การเติบโตสูง และ สภาพคล่องสูง ซึ่งเป็นสองปัจจัยที่นักลงทุนสถาบันสนใจ Tesla มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระดับสองหลักมาหลายปีนับตั้งแต่บริษัทยังมีมูลค่าตามราคาตลาดเพียง $500,000 ล้าน ซึ่งเป็นการเติบโตที่น่าสนใจ


    ด้วยการนำปัจจัยเหล่านี้คำนวณรวมกันเราน่าจะพอมองออกว่า Tesla จะเติบโตทั้งในแง่ของยอดขาย กระแสเงินสด และผลกำไรได้มากแค่ไหนในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่การคาดการณ์เหล่านี้ก็ควรตระหนักถึงปัจจัยอื่นที่จะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในอีก 5 ปีข้างหน้าด้วย เช่น ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค อัตราดอกเบี้ยที่จะมีผลต่อทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการหดตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งจะมีผลต่อทั้งธุรกิจและราคาหุ้นที่เทรดอยู่ในตลาด


    จนถึงไตรมาส 1 ของปี 2022 MarketBeat ได้รวบรวมความเห็นจากนักวิเคราะห์พบว่า 21 จาก 36 คนให้คำแนะนำ “ซื้อ” ขณะที่อีก 11 คนที่เหลือแนะนำให้ “ถือ” และอีก 4 คนแนะนำให้ “ขาย” พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้า มีราคาเฉลี่ยที่ $218.95 


    การคาดการณ์ในระยะ 5 ปีข้างหน้า Wallet Investor มองประมาณการราคาหุ้น Tesla ไว้ที่ $564.24 ขณะที่ Gov Capital ให้ราคาคาดการณ์ของหุ้นตัวนี้ไว้ที่ $2,326.138


    การวิเคราะห์หุ้น Tesla ทางเทคนิค

    ในส่วนของหุ้น Tesla ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีการปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 8,535% เทียบกับ Nasdaq100 ที่โตได้ 348.9% และ S&P500 ที่โต 187.6% เรียกได้ว่าห่างกันแบบเทียบไม่ติด 


    หลังการรายงานผลกำไรครั้งแรกในปี 2013 ราคาหุ้น Tesla(เทสล่า) ก็ยกตัวขึ้นจากฐานเดิมที่เคยแกว่งในกรอบ $1 - $3 ขึ้นมาเทรดในโซน $8 - $25 จนกระทั่งต้นปี 2020 หลังการแพร่ระบาดของโควิดราคาหุ้นก็กระโดดขึ้นมายืนเหนือกรอบ $25 สนับสนุนด้วยการรายงานผลกำไรของบริษัทเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 


    แม้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดอย่างรุนแรงในอเมริกาช่วงไตรมาส 4 ปี 2020 จะทำให้การผลิตชะงัก และราคาหุ้นปรับตัวลงจาก $167.26 ลงมาอยู่ที่ $110.41 ก็ยังมีแรงซื้อดันกลับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ $414.50 ในเดือนพฤศจิกายน 2021 หรือคิดเป็นการบวกเพิ่มขึ้น 2500% ภายในเวลาเกือบสองปี


    ในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 กระแสการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐเริ่มก่อความกังวลให้กับนักลงทุนในตลาดและพร้อมใจกันปิดรับความเสี่ยง ทำให้หุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาถูกเทขาย เช่นเดียวกับ Tesla ที่ถูกกดราคาลงไปถึง $101.81 ในช่วงต้นปี 2023 แต่ก็สามารถรีบาวน์กลับมาในโซน $200 - $300 ได้ นับถึงปัจจุบัน Tesla ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 94.6% นับตั้งแต่ต้นปี



    การวิเคราะห์หุ้น Tesla ทางเทคนิค

    หากมองจากรูปแบบราคาจะพบว่า Tesla ทำจุดต่ำสุดของรอบไปแล้ว ณ จุดที่ RSI ระดับสัปดาห์ปรับตัวขึ้นจากภาวะขายมากเกินไป และราคาได้กลับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 สัปดาห์ที่ถูกมองว่าเป็นเส้นแนวโน้มสำหรับการเทรดในระยะยาว โดยที่ปัจจุบันราคาได้ดึงกลับ (Pullback) ลงมาทดสอบเส้น EMA(50) อีกครั้ง และหากราคาดีดตัวกลับจะแสดงถึงการกลับตัวเป็นขาขึ้นสำหรับราคาหุ้นรอบใหญ่อีกครั้งและเส้น EMA(50) สัปดาห์นี้จะกลายเป็นแนวรับที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเทรดในระยะยาว


    ซื้อหุ้น Tesla ยังไง? แนะนำ 3 วิธีการซื้อหุ้นเทสลาที่ยอดนิยม

    1. ซื้อหุ้น Tesla(เทสล่า) โดยตรง

    วิธีแรกเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดนั่นคือการซื้อหุ้น Tesla(เทสล่า) โดยตรง ซึ่งหุ้น Tesla ในปัจจุบันเข้าซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้น Nasdaq และ S&P ของสหรัฐอเมริกา 


    ที่แพลตฟอร์มการเทรด Mitrade คุณสามารถซื้อหุ้น Tesla(เทสล่า) ด้วยสัญญาซื้อขายส่วนต่าง(Contract for Differences) หรือเรียกสั้นๆ ว่า CFD ซึ่งด้วยวิธีนี้ คุณนะเริ่มต้นได้เร็วโดยการเปิดบัญชีและเริ่มเทรดได้ภายในไม่กี่นาที นอกจากนี้แล้ว การเทรดหุ้น Tesla ด้วยวิธีนี้ยังมีความยืดหยุ่นตรงที่ ไม่ว่าในตลาดกระทิงหรือตลาดหมี ก็เปิดโอกาสให้เทรดได้ เพราะการเทรด CFD นักลงทุนสามารถเทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง


    สำหรับนักลงทุนที่มีเงินต้นน้อย ยังสามารถอาศัยอัตราทด(เลเวอเรจ) เพื่อช่วยขยายความสามารถในในทำกำไรได้ (ขยายผลขาดทุนได้เช่นกัน)  ซึ่ง Mitrade จะเสนอค่าอัตราทด(เลเวอเรจ) ในการเทรดหุ้น Tesla (เทสล่า) ที่ 1/2/5/10 เท่า 


    ตัวอย่างเช่น ด้วยการใช้เลเวอเรจ 10 เท่า นักลงทุนสามารถซื้อหรือขายหุ้น Tesla(เทสล่า) ด้วยเงินต้นเพียงประมาณ 64 ดอลล่าร์(ประมาณ 2230 บาทไทย) ต่อ 1 ล็อต(ราคา ณ วันที่ 14/6/2022)


    ซื้อหุ้น tesla ด้วย CFD กับ Mitrade ด้วยเงินต้นเพียง $64


    ซื้อขายหุ้น Tesla เดี๋ยวนี้ >>  




    2. ซื้อกองทุนที่ลงทุนใน Tesla ในไทย

    ปัจจุบันกองทุนรวมในประเทศไทยมีหลายกองที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่ตลาดหุ้นสหรัฐ ตัวอย่างเช่น


    ◈ กองทุน TMB-ES-AUTOMATION ของบลจ.ทหารไทย ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุน ARK Autonomous Technology & Robotics ETF และกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีเกี่ยวกับการทำงานแบบอัตโนมัติและวิทยาการหุ่นยนต์ ซึ่งมีการลงน้ำหนักในหุ้น Tesla เป็นอันดับ 1 ที่ 10.83%


    ◈ กองทุน T-ES-GINNO หรือกองทุนเปิดธนชาต อีสท์สปริง Global Innovation มีนโยบายลงทุนในกองทุน Nikko AM ARK Disruptive Innovation Fund ที่ลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลก เน้นเฉพาะหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการดัสรัปทางเทคโนโลย ซึ่งกองทุนนี้ก็ถือหุ้น Tesla อยู่ราว 9.47%


    ◈ กองทุน ONE-UGG-RA จากบลจ.วรรณ เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่มีโนยบายลงทุนในกองทุนอื่น ซึ่งกองทุนนี้เลือกลงทุนใน กองทุน Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund เป็นกองทุนหลัก และกองทุนนี้ก็เน้นการเลือกหุ้นในบริษัททั่วโลกที่มีนวัตกรรมและการเติบโตสูง โดยมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น Tesla อยู่ที่ 7.2% 


    วิธีลงทุนในหุ้น Tesla ผ่านกองทุนนั้นก็ไม่ยาก เพียงแค่เปิดบัญชีกองทุนกับบลจ.ที่เลือกไว้ จากนั้นก็สามารถระบุกองทุนที่ต้องการลงทุนและส่งคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทันที ซึ่งบลจ.จะทำรายการเพียงวันละครั้ง ณ ราคาสิ้นวัน และยืนยันรายการซื้อขายกองทุนในวันถัดไป


    อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนที่ลงทุนใน Tesla ก็มีข้อเสียหลายที่ เช่น นักลงทุนไม่สามารถเลือกลงทุนในหุ้น Tesla ได้ทั้ง 100% ของเงินลงทุน เพราะกองทุนมีการกระจายพอร์ตการลงทุน นักลงทุนไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้น จึงไม่มีสิทธิร่วมประชุมผู้ถือหุ้นและมีต้นทุนแฝงจากการถือหน่วยลงทุนเป็นต้นทุนค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการกองทุน ซึ่งจะคิดอยู่ราว 1.0 - 1.5% ต่อปี โดยคิดรวมเข้าไปใน NAV ของกองทุน ที่แม้นักลงทุนจะไม่ต้องจ่ายต้นทุนส่วนนี้เพิ่ม แต่ก็ทำให้กำไรที่ได้น้อยลง


    3. ลงทุนในดัชนี S&P 500 และ NAS 100

    นอกจากองทุนที่ลงทุนในหุ้นแล้ว นักลงทุนก็ยังสามารถลงทุนในหุ้น Tesla(เทสล่า) ผ่านดัชนี S&P 500(SPX500) และ NASDAQ 100 ได้ โดยหุ้น Tesla(เทสล่า) ถูกนำมาคำนวณรวมอยู่ในดัชนี S&P 500 ด้วยน้ำหนัก 1.763858% และดัชนี NASDAQ 100 ด้วยน้ำหนัก 3.964% เมื่อนักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้น Tesla ก็สามารถลงทุนในดัชนีทั้งสองตัวนี้ได้เช่นกัน


    เนื่องจากการลงทุนในดัชนี S&P 500 และ NASDAQ 100 จะมีการกระจายพอร์ตการลงทุน ความผันผวนในการลงทุนจึงจะต่ำลง ดังนั้น ความเสี่ยงในการลงทุนในดัชนี S&P 500 และ NASDAQ 100 จะต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น Tesla(เทสล่า) โดยตรง และศักยภาพในการทำกำไรก็จะต่ำกว่าด้วย เนื่องจากในตลาดการเงิน ผลตอบแทนที่สูงจะตามไปด้วยความเสี่ยงที่สูง

    ลงทุนในดัชนี S&P 500 และ NAS 100


    สำหรับนักลงทุนมือใหม่ เราเสนอให้เริ่มลงทุนด้วยดัชนีมากกว่าการลงทุนในหุ้นรายตัว


    นักลงทุนก็สามารถลงทุนในดัชนี S&P 500(SPX500) และ NASDAQ 100 ด้วย CFD กับแพลตฟอร์มการเทรด Mitrade ได้เช่นกัน และมีข้อได้เปรียบในการเทรดอย่างที่กล่าวไปด้วย โดย Mitrade จะเสนอค่าอัตราทด S&P 500(SPX500) และ NASDAQ 100 ที่ 1/20/50/100/200 เท่า 


    ตัวอย่างเช่น ด้วยการใช้เลเวอเรจ 200 เท่า นักลงทุนสามารถซื้อขายดัชนี S&P 500 ด้วยเงินต้นเพียงประมาณ 19 ดอลล่าร์(ประมาณ 660 บาทไทย) ต่อ 1 ล็อต(ข้อมูล ณ วันที่ 14/6/2022)


    ซื้อดัชนี-S&P500-ด้วย--CFD-กับ--Mitrade ด้วยเงินต้นเพี่ยง $19


    เทรด S&P 500 และ NAS 100 เดี๋ยวนี้ > 

    *เทรดด้วยอัตราทดสูงถูง 1:200 

    *โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

    *เงินเสมือนจริง $50, 000 ดอลลาร์ 💰


    ความเสี่ยงด้านลบต่อราคาหุ้น Tesla

    สำหรับความเสี่ยงของราคาหุ้น Tesla ยังคงมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง 


    1. การแข่งขันที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรม 

    จากเดิมที่อุตสาหกรรม EV มีผู้เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งมากมายอยู่แล้ว ไม่ว่าจากฝั่งอเมริกาอย่าง GM หรือ Volkswagen ปัจจุบันคู่แข่งจากจีนก็กลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ Tesla เนื่องจากจีนเป็นแหล่งผลิตแรร์เอิร์ธที่สำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตให้ถูกได้อย่างไม่น่าเชื่อ และยังมีตลาดขนาดใหญ่สำหรับรองรับความต้องการ โดยเฉพาะ BYD, Nio, Li Auto, Rivian, และ Lucid ซึ่งแน่นอนว่าการแข่งขันที่ดุดเดือดขึ้นจะหมายถึงส่วนต่างผลกำไรที่ได้รับจะลดลงด้วย ซึ่งแม้ว่าปัจจุบัน Tesla จะเป็นผู้ผลิต EV รายใหญ่แบบไม่ต้องสงสัย แต่ก็พร้อมจะมีคนมาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดเสมอ


    2. ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ 

    เช่น แบตเตอร๋รี่ หรือ ชิป ซึ่งแม้ Tesla จะเป็นบริษัทที่สามารถผลิตสินค้าเหล่านี้ได้เอง แต่สินค้าเหล่านี้ก็ยังต้องอาศัยวัตถุดิบต้นน้ำ เช่น ลิเทียม หรือ แร่แรร์เอิร์ท โดยเฉพาะปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจทำให้ห่วงโซ่อุปทานของแรร์เอิร์ธที่ผลิตในจีนไม่สามารถจัดส่งได้เพียงพอ


    3. ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ 

    ซึ่งไม่ได้มีผลกระทบแค่ห่วงโซ่อุปทานของปัจจัยการผลิตของ Tesla เท่านั้น ปัจจุบัน Tesla เปิดโรงงานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเซี่ยงไฮ้ด้วยกำลังการผลิตสูงถึง 2 ล้านคันต่อปี ซึ่งแน่นอนว่าหากเกิดปัญหาความขัดแย้งของสหรัฐและจีนก็จะมีผลกระทบต่อโรงงานของ Tesla ในจีนด้วย


    4. ความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์หรือหุ้นอื่นของบริษัท 

    ซึ่งในภาวะที่ตลาดเงินตลาดทุนมีความผันผวนสูงทำให้ราคาสินทรัพย์ที่บริษัทถือไว้มีมูลค่าเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นหุ้นบริษัทอื่น หรือ ทั้งจากการลงทุนใน Bitcoin ที่บริษัทได้ลดปริมาณการถือครองลงไปแล้วกว่า 75% นับตั้งแต่กลางปี 2022 


    ส่งท้าย

    และทั้งหมดนี้ก็คือทั้งหมดของวิธีซื้อหุ้น Tesla ยังไง และการแนะนำวิธีการซื้อหุ้นเทสลา พร้อมการวิเคราะห์หุ้น Tesla ปี 2023 - 2025 – 2030 ที่เรารวบรวมมาฝากกันทั้งในเชิงธุรกิจและความเห็นของนักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ต่าง ๆ ซึ่งน่าจะพอทำให้เห็นภาพการลงทุนในหุ้น Tesla ในปี 2023 - 2025 – 2030 ได้ดียิ่งขึ้น


    ***ราคาหุ้น Tesla มีเปลี่ยนแปลงจากบทความที่แล้วเนื่องจากวันที่ 31 สิงหา 2020 มีแตกพาร์จาก 1 เป็น 5 และวันที่ 25 สิงหา 2022 แตกพาร์จาก 1 เป็น 3 ทำให้ราคาหุ้น dilute ลง

    คำถามที่พบบ่อย
    สามารถซื้อหุ้นเทสล่าขั้นต่ำกี่ตัว
    นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นเทสล่าขั้นต่ำ 1 ตัว

    *** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


    การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

    บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
    บทความที่เกี่ยวข้อง
    placeholder
    วิธีเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่แบบละเอียดในปี 2024‘อยากเล่นหุ้นต้องทํายังไง’ ‘เริ่มเล่นหุ้นแบบไม่รู้อะไรเลย ต้องทำยังไง’ คำถามแบบนี้เป็นคำถามที่เจอบ่อยมากสำหรับผู้ที่มีความสนใจในการเข้าสู่โลกการลงทุน ซึ่งวันนี้เราจะมีวิธีเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่แบบละเอียดมาฝากกัน
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    ‘อยากเล่นหุ้นต้องทํายังไง’ ‘เริ่มเล่นหุ้นแบบไม่รู้อะไรเลย ต้องทำยังไง’ คำถามแบบนี้เป็นคำถามที่เจอบ่อยมากสำหรับผู้ที่มีความสนใจในการเข้าสู่โลกการลงทุน ซึ่งวันนี้เราจะมีวิธีเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่แบบละเอียดมาฝากกัน
    placeholder
    เปิดบัญชีหุ้นที่ไหนดี? 10 โบรกเกอร์ที่น่าเปิดพอร์ตหุ้นในปี 2023 นักลงทุนมือใหม่อาจจะเกิดคำถามว่า จะเปิดบัญชีหุ้นที่ไหนดี? บทความนี้จึงได้รวบรวม 10 โบรกเกอร์ที่น่าเปิดพอร์ตหุ้นในปี 2023 ตามมาดูกันเลย
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    นักลงทุนมือใหม่อาจจะเกิดคำถามว่า จะเปิดบัญชีหุ้นที่ไหนดี? บทความนี้จึงได้รวบรวม 10 โบรกเกอร์ที่น่าเปิดพอร์ตหุ้นในปี 2023 ตามมาดูกันเลย
    placeholder
    ตลาดหุ้นเปิดกี่โมง?ก่อนเทรดหุ้นต้องรู้การรู้ว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงเป็นเรื่องสำคัญและถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักเก็งกำไร สำหรับใครที่อยากรู้แล้วว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงสำหรับการซื้อขายหุ้นในประเทศไทยก็อย่าได้รอช้า เราเตรียมข้อมูลมาให้แล้ว
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    การรู้ว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงเป็นเรื่องสำคัญและถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักเก็งกำไร สำหรับใครที่อยากรู้แล้วว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงสำหรับการซื้อขายหุ้นในประเทศไทยก็อย่าได้รอช้า เราเตรียมข้อมูลมาให้แล้ว
    placeholder
    8 โบรกเกอร์ Forex แจกโบนัสฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ 2566คราวนี้เราได้รวบรวมลิสต์โบรกเกอร์ Forex แจกโบนัสฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ 2566 มาไว้เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ Forex ใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น!
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    คราวนี้เราได้รวบรวมลิสต์โบรกเกอร์ Forex แจกโบนัสฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ 2566 มาไว้เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ Forex ใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น!
    placeholder
    DCA คือ อะไร? เปิดบัญชีออมหุ้น DCA ที่ไหนดี 2024สร้างรายได้ทางอ้อมด้วยการลงทุนออมสม่ำเสมอ ทยอยลงทุนเรื่อย ๆ แบบ DCAหรือ Dollar-Cost- Averaging ถัวเฉลี่ยต้นทุนยังไงให้ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นการลงทุนที่ง่าย เงินลงทุนตั้งต้นไม่มาก ไม่มีความซับซ้อน เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่เป็นอย่างมาก
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    สร้างรายได้ทางอ้อมด้วยการลงทุนออมสม่ำเสมอ ทยอยลงทุนเรื่อย ๆ แบบ DCAหรือ Dollar-Cost- Averaging ถัวเฉลี่ยต้นทุนยังไงให้ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นการลงทุนที่ง่าย เงินลงทุนตั้งต้นไม่มาก ไม่มีความซับซ้อน เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่เป็นอย่างมาก