มีเงิน 20,000 ลงทุนอะไรดีให้เหมาะกับตัวเอง

เพื่อนหลายๆ คน พอเงินเดือนออกปุ๊บ สามารถควบคุมบริหารรายจ่ายได้ดี 

มีเงินเหลือเก็บต่อเดือน แต่ไม่รู้ว่าจะนำเงินที่มีอยู่ ไปลงทุนอย่างไร? ให้ได้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ ภายใต้ผลตอบแทนที่เรารับได้ ประกอบกับช่วงนี้เราอยู่ในยุคที่เงินเฟ้อค่อนข้างอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ถือเงินสดไว้เฉยๆ ไม่ลงทุน เงินมีค่าลดลงทุกวันแน่ๆ อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน สินทรัพย์เสี่ยงลงมาเยอะมาก เป็นโอกาสที่ดี ที่จะเริ่มสะสมลงทุนระยะยาว 

วันนี้ผมมี 6 วิธีการลงทุน ที่จะทำให้เงินให้งอกเงย ตั้งแต่ผลตอบแทนน้อย ไปยังผลตอบแทนสูง แต่เพื่อนๆ อย่าลืมว่า ผลตอบแทนแทนที่คาดหวังสูง ก็จะมาพร้อมความเสี่ยงที่สูงตามนะครับ มาดูกันเลย!!

เหมาะสำหรับที่อยากเริ่มเก็บ เงินไว้สำรองบัญชี เผื่อฉุกเฉิน ไว้ในอนาคต และคนที่ยังไม่มีสภาพคล่องเพียงพอ ในการดำรงชีวิตประจำวัน และรับความเสี่ยงได้ต่ำ ต้องการให้ได้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยแน่นอน  0.5-2.5% และเงินต้นไม่หาย 

ความเสี่ยงของการฝากเงินไว้ในบัญชี คือธนาคารล้มละลาย แต่โอกาสแทบจะเกิดน้อยมาก 

เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลอยู่

เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง ถึงต่ำ ต้องการได้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ย และเงินต้นคืน ในระยะเวลากำหนดที่ค่อนข้างแน่นอน และมีเงินขั้นต่ำ 100,000 ขึ้นไป และมีลงทุนได้อย่างน้อย 2-5 ขึ้นไป  ตามอายุของตราสารหนี้และคาดหวังดอกเบี้ยจากการลงทุนประมาณ 2-6% ตามความเสี่ยงและอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท 

ความเสี่ยงของการลงทุน ในหุ้นกู้ คือ บริษัทล้มละลาย ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นคืนได้ 

และความเสี่ยงของการลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาล คือ รัฐบาลล้มละลาย 

ข้อดีของการลงทุนในตราสารหนี้ คือ ได้ผลตอบแทนมากกว่าฝากเงินในธนาคาร และมีสิทธิเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท 

เหมาะสำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของบริษัท โดยไม่ต้องนับหนึ่ง เพราะการลงทุนในหุ้นของไทย ซื้อขั้นต่ำ 100 หุ้น ก็เป็นเจ้าของบริษัทได้แล้ว และพร้อมเติบโตไปพร้อมกิจการ ส่วนผลตอบแทนจากการลงทุน คือส่วนต่างจากราคาที่เราซื้อ และราคาที่เราขาย และเงินปันผล จากการที่บริษัทที่มีกำไรและจ่ายคืนนักลงทุน ซึ่งเงินจ่ายปันผลสูงหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท

  การลงทุนในหุ้นจึงเป็นทางเลือกที่นิยมกันมากขึ้น เพราะการลงทุนในหุ้นจะได้ ได้ผลตอบที่สูงนะระยาว โดยเฉลี่ย การลงทุนในหุ้นได้ผลตอบแทนและเงินปันผล เฉลี่ยถึงปีละ 10-15% 

แต่ปีที่ไม่ดีอย่างปี วิกฤติเศรษฐกิจอาจจะติดลบ 30-50%  หรือปีตลาดปรับฐานเศรษฐกิจไม่ดีอาจจะติดลบ 10-20% ได้เลย 

  การลงทุนในหุ้นจึงอาจจะเหมาะกับ คนที่วิเคราะห์ตลาดได้เก่ง มองตลาดเป็น เลือกลงทุนในธีมการลงทุนในบริษัทที่มีความสามารถในการทำรายได้และกำไร เติบโตไประยะยาวเติบโตไปพร้อมภาวะเศรษฐกิจ และมีความสามารถวิเคราะห์ทั้งข้อมูลพื้นฐานและข้อมูลทางเทคนิคเป็น มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน และใส่ใจศึกษาการลงทุน

  ความเสี่ยง ภาวะเศรษฐกิจโลก เงินเฟ้อ นโยบายการเงินแต่ละประเทศ และผลประกอบการของบริษัท ซึ่งกระทบตลาดทุนทั่วโลก

เหมาะสำหรับ คนที่อยากเริ่มต้นลงทุน ในสินทรัพย์ต่างๆ แต่ไม่มีเวลาติดตามและ มีเงินลงทุนไม่เยอะมาก บางกองทุนรวม มีเงิน 500 บาทแล้วก็ซื้อได้แล้ว 

และลงทุนตามนโยบายต่างๆ ตามที่ตัวเองต้องการ มีมืออาชีพ คือผู้จัดการกองทุนรวม ที่คอยเลือกลงทุน

ในตราสารทุน ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ ให้ ตามนโยบายกองทุนรวมที่เราเลือกลงทุน 

และกองทุนรวม บางกองทุนรวมในไทยอย่างเช่น ที่ลงท้าย SSF หรือ RMF สามารลงทุนและ ลดหย่อนภาษีไปในตัวได้อีกด้วย แต่ต้องถือครองกองทุนรวมตามระยะเวลากำหนด แต่ถ้าลงทุนกองทุนรวมทั่วไป จะสามารถซื้อขาย เมื่อไหร่ก็ได้   สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุนคล้ายกับตราสารทุน คือ ส่วนต่างราคาและเงินปันผล

ข้อดี คือ ใช้เงินน้อย กระจายการลงทุนได้ดี ไม่มีเวลาติดตามก็ลงทุนได้บริหารโดยมืออาชีพ 

ข้อเสีย คือ บางกองทุนรวมมีค่าธรรมเนียมในการจัดการ และธรรมเนียมในการซื้อขาย 

ความเสี่ยงของการลงทุน คือ ตลาดและภาวะเศรษฐกิจผันผวน คล้ายกับการลงทุนในตราสารทุน/หนี้ 

เหมาะสำหรับ คนที่อยากกระจายการลงทุน เพราะสินทรัพย์ทางเลือกควรมีไว้ในพอร์ตการลงทุนอย่างน้อย 10-25% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด และเข้าใจ สินทรัพย์เหล่านั้นได้ดี ทั้งภาวะปัจจัยที่ทำให้ราคาขึ้น ลง รวมไปถึงผลตอบแทนและความเสี่ยงของการลงทุน เพราะการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ตัวอย่าง สินทรัพย์ดิจิทัล บางปีอาจให้ผลตอบแทนสูงมากถึง 20%-100% แต่ถ้าตลาดปรับฐาน ก็อาจจะลงมาถึง 60%-80%  ได้เช่นกัน  (High Risk High Return) ตัวอย่างเช่น

สุดท้ายสำหรับคนเหมาะสำหรับ คนที่รับความเสี่ยงได้สูง และอยากให้เงินลงทุนเติบโตเร็วที่สุด และรับความผันผวนได้  มีความเข้าใจการวิเคราะห์เชิงพื้นฐานและทางเทคนิคได้ดี มีแผนการลงทุน จุดทำกำไรและจุดตัดขาดทุนชัดเจน

 สามารถลงทุนในตลาด Forex (ตลาดค่าเงิน) หรือตลาด CFD (ส่วนต่างราคา) คือ ตลาดเงินที่มี สามารถลงทุนได้ทั้งหุ้น ดัชนีต่างๆ ของหุ้นประเทศที่นิยม เช่น หุ้นอเมริกา รวมไปถึงสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน และสกุลคู่เงินต่างๆ  รวมไปถึงสินทรัพย์ดิจิทัล สกุลคู่เงินต่างๆ  ซึ่งตลาดนี้ถือว่าเป็นตลาดที่มีการซื้อขายสูงสุดของโลก

 ข้อดี คือ สามารถลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ สามารถทำกำไรได้ทั้งภาวะ ตลาดขึ้นและตลาดลง

และเป็นการวางมาร์จิน คือ เช่นวางเงิน 100 สามารถเทรดได้ 1,000 เป็นการเลเวอเรจของเงิน ถ้าถูกทางก็มีโอกาสได้กำไรมาก ถ้าผิดทางก็มีโอกาสขาดทุนหมด หรือพอร์ตแตก

 ข้อเสีย คือ บางโบรกเกอร์ค่าธรรมเนียม จาก สเปรดราคาที่ห่างกันสูง มีโอกาสขาดทุนหมดตัว 

ถ้าไม่มีแผนการลงทุนทีดี 

 ความเสี่ยง ตลาดโลกและภาวะเศรษฐกิจผันผวน ปัจจัยการเคลื่อนไหวของราคาที่สินทรัพย์เราลงทุน ภาวะเงินเฟ้อ ตัวเลขเศรษฐกิจและนโยบายการเงินต่างๆ 

หากคุณสนใจการซื้อขาย CFD ลองใช้ Mitrade สำหรับผู้เริ่มต้น คุณสามารถฝึกฝนการซื้อขายผลิตภัณฑ์มากกว่า 400 รายการ เช่น EURUSD, หุ้น Tesla/Google/Meta หรือทองคำ, Bitcoin โดยใช้บัญชีทดลอง ลงทะเบียนและเริ่มต้นวันนี้ 👇👇👇

เปิดบัญชีง่ายและเร็วภายใน 3 นาที ใช้เอกสารน้อย

กำกับดูแลโดยหน่วยงานการเงินที่มีอำนาจ เทรดอย่างปลอดภัย

บริการ 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ ตอบสนองความต้องการของคุณตลอดเวลา

เทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง เพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้

เทรดด้วยอัตราทดยืดยุ่น ปรับค่าอัตราทดได้ตามความต้องการของตน

รับโบนัสเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

ตราสารอนุพันธ์อาจจะทำให้คุณขาดทุนทั้งหมด โปรดอ่านพิจรนา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงของเรา นำเสนอ โดย Mitrade Holding Ltd.SIB License 1612446

เห็นไหมครับ ว่าทางเลือกที่จะทำให้เงินเก็บของคุณงอกเงยนั้นมีหลายวิธี  ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากลงทุนแบบไหน ให้เหมาะกับตัวเอง ผมแนะนำค่อยๆ ทยอยลงทุน ในสินค้าการลงทุนที่เราเข้าใจ และค่อยๆ เพิ่มเงินลงทุนตามขนาดความรู้ที่เรามี หมั่นเพิ่มเติมศึกษาการลงทุน และอย่าลืมลงทุนทันทีนะครับ

ผมขอให้เพื่อนๆ ลงทุนให้ประสบความสำเร็จนะคับ