ระบบเทรด Forex ง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้

เพราะการเทรด Forex ไม่ใช่แค่การตั้งเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้น แต่มันยังมีองค์ประกอบที่นักลงทุนจำเป็นต้องทำความเข้าใจเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมของการเทรดที่ลึกซึ้ง สิ่งที่ผมจะมาเล่าในวันนี้คือหลักการเทรดง่ายๆ ของ Forex ฉบับทำเงินแบบ routine มันคือหลักการสร้างระบบเทรด Forex ง่ายๆ ที่มือใหม่ก็เริ่มต้นได้แม้ยังไม่มีประสบการณ์ ขอเพียงคุณมุ่งมั่นที่จะนำหลักการนี้ไปปรับใช้หรือผสมผสานกับระบบที่คุณมี เพื่อพัฒนาและต่อยอดการทำเงิน

จริงๆ แล้วผมไม่มั่นใจว่านักลงทุนที่กำลังอ่านอยู่ตอนนี้เข้าใจ Forex มากน้อยแค่ไหน ก็เลยตัดสินใจเขียนหัวข้อนี้เพื่ออธิบายองค์ประกอบของ Forex ที่เซียนเทรดเดอร์ทั้งหลายยังคงใช้อยู่แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้ว โดยหลักๆ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของระบบการเทรดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ไปชมกันครับ

1. ธรรมชาติของ Forex

การเทรด Forex ก็เหมือนกับการเล่นเกม สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่การฝืนธรรมชาติแต่ต้องเข้าใจธรรมชาติ นั่นคือ “ซื้อที่จุดต่ำสุด และขายที่จุดสูงสุด” จากการทำกำไรในอุดมคติที่หลายคนต้องการ นี่เป็นเหตุผลที่คุณต้องตอบคำถามให้ได้ว่าคุณซื้อขายถูกจุดแล้วหรือยัง?

2. แท่งเทียนพยากรณ์

แท่งเทียนสีเขียวแดง (Candlestick) ที่คุณเห็นเต็มกระดาน เกิดจากราคาสูงสุด-ต่ำสุด และราคาเปิด-ปิดของแต่ละวัน ซึ่งรูปแบบของกราฟที่เกิดจากแท่งเทียนเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเข้าออดเดอร์เท่านั้น ไม่ใช่ตัวชี้วัดในการบอกว่าควรหรือไม่ควรเปิดออเดอร์

3. ค่า Spread

ถือเป็นคำศัพท์ยอดนิยมในวงการ Forex ที่เทรดเดอร์มักเข้าใจในความหมายของค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่โบรกเกอร์เก็บต่อหนึ่งคำสั่งซื้อ โดยค่า Spread นี่เกิดจากความแตกต่างระหว่างค่า Bid และ Ask หรือ ราคาที่นักเทรดต้องการขาย/ราคาที่โบรกเกอร์เต็มใจซื้อ และ ราคาที่นักเทรดต้องการซื้อ/ราคาที่โบรกเกอร์เต็มใจขาย ตามลำดับ

4. 3 สิ่งสำคัญที่จำเป็นในทุกๆ การเทรด

การเปิดออเดอร์สักหนึ่งออเดอร์ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญกับ 3 สิ่ง ได้แก่ ราคาเข้า (Entry Price) เป้าหมายกำไร (Profit Target) และ จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) โดยทั้ง 3 สิ่งนี้จะช่วยให้คุณพิจารณารูปแบบการทำกำไรได้อย่างรัดกลุมมากยิ่งขึ้น เช่น คุณเปิดคำสั่งซื้อ (Long) EUR/USD ราคาเข้าอยู่ที่ 1.1956 คุณตั้งเป้าการทำกำไรไว้ที่ 80 pips ทำให้เป้าหมายกำไรอยู่ที่ 1.2036 และ จุดตัดขาดทุนอยู่ที่ 1.1876 นั่นเอง

5. เครื่องมือการเทรดที่นิยมใช้

• Simple Moving Average หรือ SMA คือ เครื่องมือที่แสดงราคาปิดเฉลี่ยของคู่สกุลเงินผ่านจำนวนแท่งเทียนของช่วงเวลาที่เกิดขึ้นก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่จะใช้เพื่อศึกษาแนวรับแนวต้าน ซึ่งในที่นี้เราจะใช้ SMA 5 และ SMA 10 เพื่อแสดงความสัมพันธ์ในการสะท้อนสัญญาณการเข้าซื้อหรือขาย

• Stochastic Oscillator คือ เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ที่ค่าความแกว่งของราคาตามช่วงเวลาที่เราสนใจ ทั้งนี้ยังใช้วัดปริมาณคำสั่งซื้อหรือขายว่ามากเกินไปได้อีกด้วย โดยจะใช้ Level ที่ 20 และ 80

• Relative Strength Index หรือ RSI ที่สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่นักลงทุนว่าตอนนี้โมเมนตัมของคู่สกุลเงินยังเป็นไปตามที่คุณคาดไว้หรือไม่ นอกจากนี้ยังแสดงการแกว่งตัวของราคาได้อีกด้วย ซึ่งจะใช้ RSI 50 ในการยืนยันสถานะของคำสั่งซื้อหรือขาย

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าคุณจะเข้าใจรูปแบบการเทรดหรือกลยุทธ์การพิจารณากราฟแบบทั้งหมดได้ โดยเฉพาะนักเทรดมือใหม่ที่ยังกังวลกับแผนการทำกำไรด้วยเครื่องมือที่ซับซ้อนของ Forex วันนี้ผมจึงอยากให้คุณลองสละเวลาทำความเข้าใจตัวอย่างระบบเทรด Forex ง่าย ๆ 2 รูปแบบต่อไปนี้ ซึ่งนับเป็นพื้นฐานที่คุณสามารถนำไปใช้ในการเทรดรายวันได้จริง โดยจะจำแนกออกเป็นระบบการเทรดตามค่าเงิน ตามกราฟ และตามเครื่องมือเชิงเทคนิค ทั้งนี้นักลงทุนสามารถนำมาผสมผสานเพื่อสร้างระบบเทรดที่ดีที่สุดได้

1. เมื่อต้องเปิดคำสั่งซื้อ (Long)

การเปิดคำสั่งซื้อหรือที่มักเรียกว่า Long Order คือ การเปิดคำสั่งเมื่อนักลงทุนมองเห็นโอกาสที่คู่สกุลเงินใดๆ จะมีทิศทางของราคาที่สูงขึ้นหรือมีมุมมองเชิงบวก แต่คำถามที่ตามมาคือเราควรเข้าซื้อตอนไหนกันล่ะ? ควรลงทุนแบบหมดหน้าตักเลยไหม? แล้วจะตับสัญญาณออกได้ยังไง? ลองชมตัวอย่างดังต่อไปนี้ครับ

☆ ตัวอย่าง เปิดคำสั่งซื้อ EUR/USD

พิจารณาตามพื้นฐานค่าเงิน: หากในระยะอันใกล้มีข่าวในเชิงบวกที่สนับสนุนให้ค่าเงินสุทธิของ EUR สูงกว่า ค่าเงิน USD เชิงเปรียบเทียบ นี่จะเป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเปิดคำสั่งซื้อ (Long) EUR/USD

พิจารณาตามกราฟ: ในมุมมองเชิงเทคนิค ให้คุณใช้หลักการง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือด้วยซ้ำ ผ่านการดูแท่งเทียน หากคู่สกุลเงิน EUR/USD มีการปิดแทงเทียนของวันเป็นสีเขียว และขนาดของแท่งเทียงยาวครอบคลุมจากวันก่อนหน้า นี่อาจเป็นสัญญาณของการปรับตัวขึ้น

พิจารณาตามเครื่องมือ:

- เส้น SMA 5 จะต้องตัดผ่านเส้น SMA 10 มุ่งไปยังด้านบน และแท่งเทียนต้องปิดแท่งอย่างสมบูรณ์

- เส้น Stochastic Oscillator จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่า 20 หรือในระดับใกล้เคียง ที่สำคัญไปกว่านั้นจะต้องแสดงลักษณะเทรดขาขึ้น

- เส้น RSI จะต้องอยู่ในระดับที่สูงหรือก้าวผ่านระดับ RSI 50 ขึ้นมาแล้ว

- สัญญาณการทำกำไร (take profit) ควรดูปริมาณของแท่งแทนที่ขึ้นไปแล้วถึง 400 pips 1.1916 / 1.1920

- EUR/USD มีแนวโน้มจะมีค่าสูงขึ้น ดังนั้นคุณจึงตัดสินใจเปิดสถานะซื้อ EUR/USD ที่ราคา Ask 1.1920 จำนวน 1,000 หน่วย และด้วย leverage ที่ 100:1 ต้นทุนที่เกิดขึ้น คือ (1.1920 x 1,000) / 100 = $11.92 (จากเดิม $1192) ซึ่งหากการคาดการณ์ถูกต้องโดย EUR/USD มีค่าสูงขึ้น เราสามารถทำกำไรได้ทันทีที่ราคา Bid 1.1120 ในตัวอย่างนี้ เราสามารถทำกำไรได้ (1.1920-1.1120) x 1,000 = $80

2. เมื่อต้องเปิดคำสั่งขาย (Short)

การเปิดคำสั่งซื้อหรือที่มักเรียกว่า Long Order คือ การเปิดคำสั่งเมื่อนักลงทุนมองเห็นโอกาสที่คู่สกุลเงินใดๆ จะมีทิศทางของราคาที่สูงขึ้นหรือมีมุมมองเชิงบวก แต่คำถามที่ตามมาคือเราควรเข้าซื้อตอนไหนกันล่ะ? ควรลงทุนแบบหมดหน้าตักเลยไหม? แล้วจะตับสัญญาณออกได้ยังไง? ลองชมตัวอย่างดังต่อไปนี้ครับ

☆ ตัวอย่าง เปิดคำสั่งซื้อ EUR/USD

พิจารณาตามพื้นฐานค่าเงิน: หากในระยะอันใกล้มีข่าวในเชิงบวกที่สนับสนุนให้ค่าเงินสุทธิของ USD สูงกว่า ค่าเงิน EUR เชิงเปรียบเทียบ นี่จะเป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเปิดคำสั่งขาย (Short) EUR/USD 

พิจารณาตามกราฟ: ในมุมมองเชิงเทคนิค ให้คุณพิจารณาแท่งเทียนของคู่สกุลเงิน EUR/USD ว่ามีการปิดแทงเทียนของวันเป็นสีแดง และขนาดของแท่งเทียงยาวครอบคลุมจากวันก่อนหน้า นี่อาจเป็นสัญญาณของการปรับตัวลง

พิจารณาตามเครื่องมือ:

- เส้น SMA 5 จะต้องตัดผ่านเส้น SMA 10 มุ่งไปยังด้านล่าง และแท่งเทียนต้องปิดแท่งอย่างสมบูรณ์

- เส้น Stochastic Oscillator จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า 80 หรือในระดับใกล้เคียง ที่สำคัญไปกว่านั้นจะต้องแสดงลักษณะเทรดขาลง

- เส้น RSI จะต้องอยู่ในระดับที่ต่ำหรือก้าวผ่านระดับ RSI 50 ลงมาแล้ว

- สัญญาณการทำกำไร (take profit) ควรดูปริมาณของแท่งแทนที่ลงมาแล้วถึง 800 pips

- EUR/USD มีแนวโน้มจะมีค่าลดลง ดังนั้นคุณจึงตัดสินใจเปิดสถานะขาย EUR/USD ที่ราคา Bid 1.1916 จำนวน 1,000 หน่วย ด้วย leverage ที่ 100:1 ต้นทุนที่เกิดขึ้น คือ (1.1916 x 1,000) / 100 = $11.916 (จากเดิม $1191.6) ซึ่งหากการคาดการณ์ถูกต้องโดย EUR/USD มีค่าลดลง เราสามารถทำกำไรได้ทันทีที่ราคา Ark 1.2316 ในตัวอย่างนี้ เราสามารถทำกำไรได้ (1.2316-1.1916) x 1,000 = $40

จริงๆ แล้วยังมีระบบการเทรด Forex ที่หลากหลายและซับซ้อนมากกว่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องดีหากคุณมีเวลาเรียนรู้รูปแบบการทำกำไรในทุกๆ ลักษณะ เพราะอย่างที่ผมบอกการมีคลังความเข้าใจใน Forex ก็เปรียบเสมือนต้นทุนที่ต่างคนมีไม่เหมือนกัน และในทางตรงกันข้ามก็ไม่ได้หมายความว่าการมีความรู้ในเรื่องเทคนิคระบบเทรดจะการันตีความมั่งคั่งให้แก่คุณ แต่ระเบียบวินัย (Discipline) ต่างหากคือ Key success ของตลาด Forex นอกจากนี้หากคุณจะยึดระบบเทรด Forex ง่ายๆ แบบนี้ไปตลอดก็อาจไม่เสียหาย ถ้าคุณยังมีความสม่ำเสมอที่จะเปิดรับมุมมองใหม่ๆ และพร้อมที่จะปรับตัวทุกครั้งที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลง