นักลงทุนหลายคนถามถึงว่า ลงทุนหุ้นต่างประเทศโบรกไหนดี วันนี้ผมจึงได้แบ่งปันประสบการณ์การเลือกโบรกเกอร์เทรดหุ้นต่างประเทศของผมเพื่อช่วยเพื่อนๆ เลือกโบรกให้เหมาะสมกับตัวเองที่สุด
โดยทั่วไปแล้ว สำหรับนักลงทุนไทย การลงทุนหุ้นต่างประเทศมี 2 รูปแบบ
1.ลงทุนหุ้นผ่านโบรกเกอร์ตัวกลางในไทย กระบวนและขั้นตอนการซื้อขายก็คล้ายกับการซื้อขายหุ้นในประเทศไทยนั้น
2.ลงทุนหุ้นผ่านโบรกเกอร์ CFD การเทรดหุ้นรูปแบบนี้เป็นการเทรดตราสารอนุพันธ์หุ้น หมายถึงนักลงทุนไม่ต้องทำการซื้อขายหุ้นจริงแต่ก็ยังสามารถทำกำไรได้เท่ากับการซื้อขายหุ้นจริง และยังได้เปรียบในหลายด้าน เช่น เทรดมีเลเวอเรจและมาร์จิ้น เทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลงเป็นต้น
เพื่อให้นักลงทุนเลือกโบรกเกอร์หุ้นต่างประเทศให้เหมาะสม เรามาทำความรู้จักและเปรียบเทียบทั้ง 2 รูปแบบดังต่อไปนี้
● ความเป็นเจ้าของของหุ้น
ในการลงทุนหุ้นผ่านโบรกเกอร์ตัวกลาง นักลงทุนจะเป็นเจ้าของของหุ้นที่ซื้อนั้น แต่ในการลงทุนหุ้นผ่านโบรกเกอร์ CFD นักลงทุนไม่ได้เป็นเจ้าของของหุ้นที่ซื้อขายนั้น
● เงินปันผล
ในการลงทุนหุ้นผ่านตัวกลาง นักลงทุนจะมีเงินปันผลหากซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่ในการลงทุนหุ้นผ่านโบรกเกอร์ CFD นักลงทุนจะไม่มีเงินปันผล
● เงินทุนเริ่มต้น
เมื่อลงทุนหุ้นผ่านตัวกลาง นักลงทุนจะต้องใช้เงินทุนเต็มจำนวน เมื่อลงทุนหุ้น CFD นักลงทุนจะใช้เงินทุนเริ่มต้นไม่น้อยเนื่องจากการเทรดด้วยเลเวอเรจและมาร์จิ้น
● ความสภาพคล่อง
เมื่อลงทุนหุ้นสภาพคล่องจะต่ำถึงสูงตามหุ้นที่นั้น แต่โดยทั่วไปแล้ว ลงทุนหุ้น CFD จะมีสภาพคล่องเนื่องจากโบรกเกอร์ CFD เป็นตัวกลางที่นำเสนอให้กับนักลงทุนรายย่อย
● ต้นทุนการซื้อขาย
ซื้อขายหุ้นผ่านตัวกลางจะมีต้นทุนการซื้อขายสูง ยกตัวอย่างของบล.ทิสโก้: คิดค่าคอมมิชชั่น 0.5% ของมูลค่าการซื้อขาย หรือขั้นต่ำ 100 USD / หุ้น / วัน / ฝั่งซื้อหรือขาย และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของค่าธรรมเนียมดังกล่าว
โบรกเกอร์ CFD ส่วนใหญ่จะไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นและและภาษีมูลค่าเพิ่มแต่จะเก็บเป็นค่าสเปรด ค่าสเปรดก็คือความส่วนต่างของราคาขายและราคาซื้อ ค่าสเปรดยิ่งต่ำยิ่งดี ยกตัวอย่างเช่น ที่โบรกเกอร์ Mitrade สเปรดในการซื้อขายหุ้น Apple คือ 0.06 pip เมื่อซื้อ หุ้น Apple 10 lot ต้นทุนสเปรดจะเป็น 10 lot *0.06 pips =0.6 USD หรือ 1% ของเงินทุนเริ่มต้น แต่หากถือคำสั่งซื้อข้ามคือจะเก็บค่าธรรมเนียมการถือคำสั่งซื้อข้ามคืนด้วย แต่ค่านี้จะต่ำมาก ยกตัวอย่างเช่นค่าธรรมเนียมการถือคำสั่งซื้อข้ามคืนของ Mitrade จะอยู่ที่ 0.02 - 0.04% ค่าสเปรดและค่าธรรมเนียมการถือคำสั่งซื้อข้ามคืนจะแล้วแต่โบรกเกอร์
● การทำธุรกรรม เมื่อซื้อขายหุ้นผ่านตัวกลางในไทยระบบการถอนเงินหรือการประมวลผลยังต้องใช้เวลา เช่น การถอนเงินออกจากบัญชีปัจจุบันใช้เวลา T+2 ขณะที่เทรดหุ้น CFD เป็น T+0
● ขั้นตอนการเปิดบัญชี การเปิดบัญชีหุ้นผ่านตัวกลางต้องกรอกเอกสารหลายขั้นตอน ขณะที่กระบวนและขั้นตอนการเปิดบัญชีหุ้นผ่านโบรกเกอร์ CFD จะน้อยและง่ายกว่า เพียงมีบัตรประชาชนและบัตรธนาคารก็พอ และสามารถทำออนไลน์ได้หมด
● การกำกับดูแล เมื่อเปิดบัญชีกับตัวกลางในไทยได้รับอนุญาตจากกลต. ทุ่กอย่างจะอยู่ภายใต้กำกับดูแลของกลต. แต่โบรกเกอร์ CFD มาจากต่างประเทศทั้งนั้นเนื่องจากประเทศไทยยังไม่ได้ออกกฏหมายให้บริษัทไทยเปิดบริการ CFD ดังนั้น นักลงทุนจะต้องเลือกโบรกเกอร์ด้วยระมัดระวัง ต้องดูใบอนุญาตด้วย อย่างโบรกเกอร์ที่มาจากประเทศอังกฤษต้องมีใบอนุญาตของหน่วยงานกำกับดูแล FCA โบรกเกอร์ที่มาจากประเทศออตเตรเลียต้องมีใบอนุญาตของหน่วยงานกำกับดูแล ASIC
ความแตกต่างระหว่างการซื้อขายหุ้นตัวกลางในไทยและการเทรดหุ้นกับโบรกเกอร์ CFD | ||
การซื้อขายหุ้นกับตัวกลางในไทย | การเทรดหุ้นกับโบรกเกอร์ CFD | |
ความเป็นเจ้าของหุ้น | ใช่ | ไม่ใช่ |
เงินปันผล | มี | ไม่มี |
เลเวอเรจ | ไม่มี | มี |
ความสภาพคล่อง | ต่ำถึงสูง | สูง |
ความเสี่ยง | ปานกลางถึงสูง | สูง |
เงินทุนเริ่มต้น | ปานกลางถึงสูง | ต่ำ |
ต้นทุนการซื้อขาย | ปานกลางถึงสูง | ต่ำ |
สรุปคือ ซื้อขายหุ้นผ่านตัวกลางในไทยจะเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเงินทุนมาก สไตล์การเทรดในระยะยาว เทรดหุ้น CFD จะเหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินทุนไม่มากนักแต่ก็ยังคาดหวังว่าจะเก็งกำไรในระยะสั้น
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นผ่านโบรกเกอร์ตัวกลางในไทย สามารถเปิดพอร์ตกับหลักทรัพย์บัวหลวง หลักทรัพย์กสิกร เป็นต้น แต่วันนี้ผู้เขียนขอแนะนำโบรกเกอร์ CFD เจ้าหนึ่งที่มาจากประเทศออสเตรเลียที่ชื่อ Mitrade ทึ่ผมเทรดตลอดมา โดยผมจะแนะนำทั้งการควบคุมกำกับดูแล ค่าคอมมิสชั่น & สเปรด แพลตฟอร์มการเทรด เครื่องมือฟรีช่วยเทรดต่างๆ บริการลูกค้า รางวัลและโปรโมชั่นของ Mitrade นะครับ
『การควบคุมกำกับดูแล』
MiTrade เป็นโบรกที่ให้บริการ CFD ชั้นนำจากปรเทศออสเตรเลีย มีความเชี่ยวชาญและให้บริการซื้อขายสินทรัพย์หลากหลายทั้งหมด 115 ตราสาร รวมถึงหุ้น ดัชนี ทองคำ forex น้ำมัน สกุลเงินดิจิตอลเป็นต้น โบรกนี้อยู่ภายใต้การควบคุมและกำกับดูแลของหน่วยงานกำกับดูแลของออสเตรเลีย Australian Securities and Investments Commission (ASIC) และถือใบอนุญาตของ Australian Financial Services Licence (AFSL) หมายเลขที่ 398528 ทำให้ได้รับความมั่นใจจากนักลงทุนทั่วโลกว่าเงินทุนของท่านจะถูกเก็บแยกไว้ในบัญชีประเภททรัสต์ภายใต้ข้อกำหนดของประเทศออสเตรเลีย และมีการตรวจสอบจากภายนอกอย่างสม่ำเสมอ(คลิกเช็คใบอนุญาต)
『ค่าคอมมิสชั่น & สเปรด』
MiTrade เปิดให้บริการการซื้อขายตราสารอนุพันธ์โดยไม่มีค่าคอมมิสชั่น แต่จะคิดค่าธรรมเนียมจากสเปรดที่อยู่ในระดับต่ำจึงไม่เป็นภาระต้นทุนกับนักลงทุนหนัก
『แพลตฟอร์มการเทรด』
แพลตฟอร์มการเทรด MiTrade สนับสนุนทั้งผ่านการเทรดผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์และแอปพลิเคชั่นบนมือถือ แพลตฟอร์มนี้เป็นเทคโนโลยีที่ทางโบรกพัฒนาขึ้นมาเองแทนที่จะใช้แพลตฟอร์มมาตรฐานของ Metatrader อย่าง MT4 หรือ MT5 ที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับนักลงทุนมืออาชีพและมีฟังก์ชั่นซับซ้อนให้เลือกใช้และอาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกตื่นเต้นและประหม่าจนพลาดช็อตสำคัญได้
แพลตฟอร์มของ MiTrade ถูกพัฒนาขึ้นมาจากนักเทรดและประสบการณ์ของเทรดเดอร์จึงเน้นประโยชน์การใช้งานที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ก็ตอบสนองความต้องการของนักเทรดได้อย่างครบถ้วนที่เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างแท้จริง
ด้วยเรทของแอปพลิเคชั่น MiTrade บน Google Play/Apple Score: Apple Store 4.6/5, Google Play 4.3/5 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวการันตีฟังก์ชั่นการใช้งานของแอปพลิเคชั่นตัวนี้ได้เป็นอย่างดี
『เครื่องมือฟรีช่วยเทรดต่างๆ 』
ขณะที่ MiTrade เสนอทั้งเครื่องมือช่วยจัดการความเสี่ยงอย่าง stop loss / trailing stop, ระบบป้องกันยอดคงเหลือติดลบ, มีกราฟราคาเรียลไทม์, รายงานข้อมูลปฏิทินเศรษฐกิจ, รายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวม, มีการอัปเดทกลยุทธ์และมุมมองการลงทุนอย่างรอบด้านและทันท่วงที ทั้งยังมีระบบแจ้งเตือนข่าวสารผ่านอีเมล์ SMS และแอพพลิเคชั่นบนมือถือแบบเรียลไทม์ให้ใช้ฟรีอีกด้วย เรียกได้ว่าแทบจะเป็นทุกอย่างให้นักลงทุนแล้วจริง ๆ
『บริการลูกค้า』
สำหรับการให้บริการ MiTrade มีฝ่ายบริการลูกค้าให้บริการด้วยภาษาไทยคอยให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง ตลอด 5 วันทำการ ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีมากในกรณีที่นักลงทุนเกิดปัญหาในช่วงเวลาฉุกเฉินก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยแก้ปัญหาให้ได้อย่างทันท่วงที เมื่อบวกรวมกับข้อมูลบนเว็บไซต์และข่าวสารที่สนับสนุนภาษาไทย รวมถึงช่องทางการฝากถอนเงินที่นักลงทุนทำผ่านธนาคารไทยได้ก็ทำให้โบรกนี้กลายเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับนักลงทุนทองคำในไทยที่จะคอยช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนได้อย่างเต็มที่
『รางวัล』
ด้วยเครื่องมือและบริการที่เอื้อให้เทรดเดอร์ทำการซื้อขายได้อย่างเรียบง่ายแต่ทรงประสิทธิภาพทำให้ MiTrade กลายเป็นโบรกที่นักลงทุนทั่วโลกเลือกใช้ การันตีได้จากการที่ MiTrade ได้รับรางวัลโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เติบโตเร็วที่สุดในออสเตรเลีย 2019/2020 จากนิตยสาร International Business, รางวัลแพลตฟอร์มเทรดบนมือถือที่ดีที่สุด 2019 จาก Forex Awards, และรางวัลโบรกเกอร์ที่มีนวัตกรรมยอดเยี่ยม 2020 จากเว็บไซต์ FxDailyInfo ทำให้ประสบการณ์เทรดกับ MiTrade เป็นทั้งความมั่นใจ สะดวก เรียบง่าย และทรงพลัง ที่อยากชวนให้นักลงทุนได้มาทดลองก่อนตัดสินใจ
ถึงตรงนี้ผมได้แบ่งปันประสบการณ์ในการเลือกโบรกเกอร์เทรดหุ้นต่างประเทศให้นักลงทุนแล้ว หวังว่าจะไขข้อสงสัยของนักลงทุนได้ คือผมจะเลือกเทรดหุ้นผ่านโบรกเกอร์ CFD เนื่องด้วยความได้เปรียบหลายๆด้านที่ CFD นำมา หากนักลงทุนใครสนใจลงทุนในรูปแบบนี้ก้สามารถทดลองเทรดได้เลย แต่ที่สำคัญคือนักลงทุนต้องเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสำหรับสไตล์การเทรดของตนนะครับ
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง