บทความนี้จะพานักลงทุนทุกท่านมาทำความรู้จักกับสกุลเงินดิจิตอล (Cryptocurrency) คืออะไร, สกุลเงินดิจิตอลทำงานอย่างไร, ประเภทของสกุลเงินดิจิตอลและวิธีการเทรดสกุลเงินดิจิตอลนะครับ
สกุลเงินดิจิตอล (Cryptocurrency) คือสกุลเงินเสมือนที่ใช้การเข้ารหัสเพื่อทำให้มีความปลอดภัยซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปลอมแปลงหรือจ่ายซ้ำ สกุลเงินดิจิตอลจำนวนมากเป็นระบบการกระจายอำนาจบนพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อคเชนที่เป็นบัญชีแยกประเภทกระจายและมีการบังคับใช้โดยเครือข่ายที่แตกต่างกันของคอมพิวเตอร์ ฟีเจอร์ที่มีการกำหนดของคริปโตเคอเรนซีก็คือมันมักจะไม่ออกโดยผู้มีอำนาจส่วนกลางใดๆ การแสดงผลของมันในทางทฤษฎีมีภูมิคุ้มกันต่อการแทรกแซงของรัฐบาลหรือการจัดการ
สกุลเงินดิจิตอลที่ใช้บล็อคเชนตัวแรกคือ บิทคอยน์(Bitcoin) ซึ่งยังคงเป็นที่นิยมและมีค่ามากที่สุด ปัจจุบันนี้มีสกุลเงินดิจิตอลสำรองหลายพันฟังก์ชั่นหรือข้อกำหนดต่างๆ สกุลเงินเหล่านี้บางส่วนถือเป็นโคลนของบิทคอยน์ในขณะที่สกุลเงินอื่นๆเป็นฟอร์คหรือเป็นสกุลเงินดิจิตอลใหม่ที่แยกออกจากที่มีอยู่แล้ว
ราคา BTCUSD เรียลไทม์ ( ที่มา: MiTrade )
สกุลเงินดิจิตอลแรกที่ทำให้เกิดจินตนาการในที่สาธารณะคือ บิทคอยน์ ซึ่งเปิดตัวในปี 2552 โดยบุคคลหรือกลุ่มที่รู้จักกันในนามแฝง ซาโตชิ นากาโมโต ณ ตอนนี้ เดือนตลาคม 2020 บิทคอยน์มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 199.62 พันล้านเหรียญสหรัฐ ความสำเร็จของบิทคอยน์ทำให้เกิดสกุลเงินดิจิตอลจำนวนมากที่รู้จักกันในชื่อ "altcoins" เช่น Bitcoin, Bitcoin Cash, Litecoin, Ethereum, Cardano, dogecoin, DOT, Solana และ Uniswap ปัจจุบันมีสกุลเงินดิจิตอลมากกว่า 1,000 ชนิด เทรดเดอร์จะมีทางเลือกมากมายในการซื้อขาย
อย่างไรก็ตาม สกุลเงินดิจิตอลที่มีการซื้อขายไม่มากนักหรือสกุลเงินดิจิตอลแบบใหม่อาจมีโอกาสจำกัดในการเทรด ซึ่งอาจหมายถึงจะมีผู้ซื้อน้อยลงเมื่อถึงเวลาขาย เทรดเดอร์ที่เพิ่งเริ่มต้นที่ไม่ต้องการที่จะสับสนด้วยตัวเลือกที่หลากหลาย สามารถพิจารณาเน้นการเทรดครั้งแรกของพวกเขาในสกุลเงินดิจิตอลชั้นนำบางประเภทและทำการเทรดในตลาดที่เปิดใช้งานอยู่เป็นประจำ มีความถี่และปริมาณในการเทรดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจ เช่น Bitcoin(BTC), Bitcoin Cash(BCH), Litecoin(LTC), Ethereum(ETH), Ripple(XRP), Cardano(ADA), ApeCoin(APE), Cosmos(ATOM), Dogecoin(DOGE), Solana(SOL), Uniswap(UNI), Polkadot(DOT), EOS, Avalanche(AVAX), Polygon(MATIC), Stellar Lumens(XLM), NEAR Protocol(NEAR) ฯลฯ
มีสองเส้นทางในการเทรดสกุลเงินดิจิตอลประเภทต่างๆ : การซื้อเหรียญดิจิตอลผ่านเว็บเทรดสกุลเงินดิจิตอลด้วยความหวังว่าสกุลเงินดิจิตอลนั้นจะเพิ่มมูลค่าหรือเก็งกำไรในราคาของสกุลเงินดิจิตอลผ่านโบรกเกอร์ CFD โดยไม่ต้องถือครองเหรียญดิจิตอล
1 ซื้อขายเหรียญดิจิตอลผ่านเว็บเทรดสกุลเงินดิจิตอล
คุณอาจตัดสินใจซื้อเหรียญดิจิตอลผ่านเว็บเทรดสกุลเงินดิจิตอล ซึ่งหมายความว่าคุณจะเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของสกุลเงินดิจิตอลทันที ด้วยความตั้งใจที่จะถือมันไว้ในกระเป๋าเงินดิจิตอลและแสวงหาผลกำไรหากสกุลเงินดิจิตอลที่คุณซื้อนั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
ก่อนที่จะเริ่มต้น คุณจะต้องมีกระเป๋าเงินดิจิตอลและเปิดบัญชีบนเว็บเทรดสกุลเงินดิจิตอล ซึ่งอาจมีหลายขั้นตอนสำหรับกระบวนการและคุณอาจต้องเข้าร่วมรายการรอบัญชี
นอกจากนี้ คุณต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของสกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากสกุลเงินดิจิตอลเป็นเป้าหมายที่ง่ายดายสำหรับแฮกเกอร์ รวมถึงยังมีความเสี่ยงในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอลที่ประเทศของคุณอาจผิดกฎหมาย
และสำหรับนักลงทุน สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดคือคุณสามารถทำกำไรได้แต่เมื่อมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าคุณอาจต้องรอเป็นระยะเวลานานเป็นเดือนเป็นปีก่อนที่จะได้รับผลตอบแทนโดยเฉพาะในตลาดหมี
2 เทรดสกุลเงินดิจิตอลผ่านโบรกเกอร์ CFD
CFD(Contract for Difference) คือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง เป็นสัญญาที่นักลงทุนสามารถทำกำไรจากส่วนต่างของความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์อ้างอิงโดยไม่ต้องทำการซื้อขายสินทรัพย์อ้างอิงจริงแต่เป็นสัญญาที่ทำการซื้อขายได้ทันทีเพียงส่งคำสั่งซื้อขาย และสิ่งที่ดึงดุดใจที่สุดคือ CFD ได้เสนอความได้เปรียบด้านอัตราทด (Leverage) ให้กับเทรดเดอร์ ทำให้สามารถวางเงินเพียงจำนวนหนึ่งแต่ก็ยังจะได้รับผลตอบแทนเท่ากับการซื้อขายสินค้านั้นจริง ๆ
CFD ได้ลดความซับซ้อนของกระบวนการเทรดสกุลเงินดิจิตอล ช่วยให้นักลงทุนสามารถเดิมพันในราคาของสกุลเงินดิจิตอล เนื่องจากไม่ต้องทำการซื้อขายจริง ดังนั้น สำหรับนักลงทุนที่มองหาขั้นตอนการเทรดที่ง่ายกว่า - โดยไม่ต้องยุ่งยากในการจัดเก็บเพื่อลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลต่างๆ - การเทรดสกุลเงินดิจิตอลด้วย CFD จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก การเทรดสกุลเงินดิจิตอลด้วย CFD ทำให้เทรดเดอร์มีความได้เปรียบกว่าเครื่องมืออื่น ๆ หลายอย่าง เช่น
ต่างจากการซื้อเหรียญดิจิตอลจริง การเทรดผ่าน CFD คุณเทรดได้ทั้งในภาวะตลาดขาขึ้นและขาลงด้วยการเปิดคำสั่งซื้อขาย ทำให้โอกาสในการทำกำไรได้เพิ่มขึ้น
ด้วยการใช้ เลเวอเรจ นักลงทุนสามารถขยายกำไร (ขาดทุน) เป็นหลายเท่าได้ ทำให้คุณสามารถเทรดด้วยเงินทุนจำนวนน้อยแทนที่จะต้องมีเงินจำนวนเต็มอยู่ในบัญชี ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินทุนเริ่มต้นไม่มากนัก
★ ตัวอย่างเช่น เมื่อราคาบิทคอยน์คือ $30,000 USD คุณคาดว่ามันจะมีการเพิ่มขึ้นในอนาคต คุณเปิดสถานะซื้อ ขนาดซื้อขาย 0.1 ล็อต ด้วยเลเวอเรจ 1:10 คุณเพียงฝากเงินมาร์จิ้น $300 USD ($30,000*0.1ล็อต/10) ไว้ก็สามารถเปิดคำสั่งที่มีมูลค่า $30,000 USD ได้แล้ว และเมื่อราคาเพิ่มขึ้นถึง $36,000 USD คุณก็จะได้กำไร 600 USD ด้วยเงินทุน $600 USD อัตราผลตอบแทนคือ 200%
* เลเวอเรจเป็นดาบคมสองด้าน ไม่ใช่ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะก็สามารถขยายขาดทุนเช่นกัน นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจสูงเกินโดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ และควรจัดความเสี่ยงให้ดีๆ
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง