ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับนักลงทุนที่เราควรจะมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ๆ ที่อาจจะกลายมาเป็นเครื่องมือสร้างความได้เปรียบและลบจุดอ่อนของนักลงทุนแต่ละคนลงไป และช่วยให้โอกาสในการชนะการเทรดในตลาดเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น และผลิตภัฑณ์ทางการเงินที่เริ่มเป็นที่กล่าวถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือ Binary Option ซึ่งหากใครที่กำลังสงสัยอยู่ว่า Binary Option คืออะไร คราวนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน
Binary Option คือผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่อยู่ในรูปแบบของ Option อ้างอิงผลตอบแทนอยู่กับกราฟราคาสินค้า โดยผู้ลงทุนจำเป็นต้องวางเงินสำหรับการซื้อขาย เพื่อประเมินว่าราคาของสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้นหรือปรับลดต่ำกว่าจุดที่เปิดสถานะ Option เอาไว้
หากราคาสินค้าอ้างอิงเป็นไปในทิศทางตามที่นักลงทุนคาดไว้ Option จะมีสถานะ In the Money และจ่ายผลตอบแทนกลับคืนมาเป็นก้อนในอัตราส่วน 70 – 85% ของเงินลงทุนที่วางไว้แต่แรก แต่หากกราฟราคาสินค้าสวนทางกับที่คาด Option ก็จะมีสถานะ Out of the Money และนักลงทุนก็จะสูญเสียงเงินลงทุนทั้งก้อนนั้นไป
Binary Option เป็น Option ที่มีระยะเวลาหมดอายุเร็วมาก ซึ่งอาจเป็นได้ตั้งแต่ 1 นาที 5 นาที ไปจนถึง 15 นาที โดยมีเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนแบบเป็นก้อน (Fix Amount) หรือไม่จ่ายเลย (All or Nothing Options) ซึ่งจะทำให้นักลงทุนรู้ผลตอบแทนคาดหวังและประเมินความเสี่ยงของตัวเองได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มเปิดสถานะเลย
โดยทั่วไปรูปแบบของ Binary Option อนุญาตให้นักลงทุนเปิดสถานะได้ 2 ทาง คือ
● Call Option
Call Option คือคำสั่งที่นักเทรดคาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงในอนาคตจะมีราคาสูงกว่าราคาในปัจจุบัน ซึ่งเป็น Option ที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้เมื่อมองว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงเป็นขาขึ้น
● Put Option
Put Option คือคำสั่งที่นักเทรดคาดว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงในอนาคตจะมีราคาต่ำกว่าราคาในปัจจุบัน และเป็น Option ที่จะสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้เมื่อมองว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงเป็นขาลง
การเทรด Binary Option คล้ายกับการทำงานของรัชเชี่ยนรูเลตต์ ซึ่งหากนักลงทุนคาดการณ์ผิดก็จะต้องสูญเสียเงินลงทุนทั้งก้อนนั้นไป แต่หากคาดการณ์ได้ถูกต้องก็จะได้เงินทุนก้อนนั้นกลับมาพร้อมผลตอบแทน
ตัวอย่างเช่น
การเทรด Binary Option อ้างอิงคู่เงิน GPBUSD ที่ราคาปัจจุบัน 1.3902 นักลงทุนมองว่าใน 5 นาทีราคาจะปรับตัวขึ้นไปได้สูงกว่านี้ก็เปิดสถานะ Call Binary Option โดยวางเงิน $100 จะมีผลลัพธ์ออกมาได้สองทางคือ
1) คาดการณ์ถูก: เมื่อเวลาผ่านไป 5 นาที ราคา GBPUSD ปิดที่ระดับสูงกว่า 1.3902 Option จะอยู่ในสถานะ In the Money และจ่ายผลตอบแทนให้นักลงทุนเป็นเงิน $185 ที่มาจาก $100 ที่เป็นเงินต้น และผลตอบแทน $85
2) คาดการณ์ผิด: เมื่อเวลาผ่านไป 5 นาที ราคา GBPUSD ปิดที่ราคาต่ำกว่า 1.3902 Option จะอยู่ในสถานะ Out of the Money และนักลงทุนต้องสูญเสียเงิน $100 ที่วางลงไป
มาถึงคำถามสำคัญ เมื่อการเทรด Binary Option นั้นคลายคลึงกับการพนันที่มีการวางเงินเดิมพัน และมีลักษณะการจ่ายผลตอบแทนแบบได้เสียเป็นตัวเงินชัดเจน แล้วการเทรด Binary Option จะนับเป็นการพนันหรือไม่ ซึ่งคำตอบของคำถามนี้แบ่งได้เป็นสองทางคือ
● หากเป็นการเทรดแบบเดาสุ่มเปิดสถานะตามอารมณ์ด้วยความโลภและความกลัว ทั้งยังไม่มีการบริหารจัดการเงินทุนหรือการวางแผนที่ดี แบบนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นการพนัน
● หากเป็นการเทรดอย่างมีการวางแผน คาดการณ์ มีการจัดการเงินทุน และคำนวณความเสี่ยง/โอกาสมาแล้ว ก็อาจไม่ใช่รูปแบบการพนัน
เนื่องจาก Binary Option เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการเงินอื่น ๆ จึงจำเป็นต้องมีกกฎหมายรองรับ ซึ่งสำหรับประเทศต่าง ๆ Binary Option ยังคงมีสถานะทางกฎหมายที่แตกต่างกันออกไป เช่น
● ประเทศไทยมีกฎหมายรองรับการเทรด Binary Option หรือไม่
สำหรับประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับการเทรด Binary Option ทำให้นักลงทุนที่สนใจลงทุนในรูปแบบนีจำเป็นต้องแบกรับความเสี่ยงด้านตัวกลางในการเทรดเอง โดยที่หากมีปัญหากับโบรกเกอร์ก็จะไม่สามารถฟ้องร้องหรือเรียกร้องให้หน่วยงานในประเทศไทยเอาผิดกับโบรกเกอร์ได้ แต่ต้องดำเนินการฟ้องร้องเองโดยตรงกับโบรกเกอร์ในต่างประเทศ ซึ่งมักเกิดขึ้นได้ยากและมีต้นทุนสูง
● การแบน Binary Option ในประเทศอื่น ๆ
นอกจากประเทศไทย หน่วยงานที่เกียวข้องของหลายประเทศยังคงมีมุมมองที่ไม่ค่อยเป็นบวกนักกับการลงทุนรูปแบบนี้ จริงอยู่ที่ในทางทฤษฎีแล้ว Binary Option เป็นเครื่องมือทางการเงินชนิดหนึ่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องมือตัวนี้ถูกนำมาใช้ในการฉ้อฉลได้เหมือนกัน และนั่นเป็นสาเหตุให้หน่วยงานกำกับการลงทุนในหลายประเทศประกาศห้ามการลงทุนในรูปแบบนี้
- ประเทศออสเตรเลีย
ASIC คณะกรรมการกำกับการลงทุนในออสเตรเลียมองว่า Binary Option เป็นตราสารที่มีความเสี่ยงสูง ยากต่อการคาดเดาสำหรับการเป็นเครื่องมือทางการลงทุน โดยพบว่าที่ผ่านมามีนักลงทุนรายย่อยเพียง 20% เท่านั้นที่สามารถสร้างผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินชนิดนี้ได้ จึงสั่งห้ามนักลงทุนรายย่อยเข้าลงทุนใน Binary Option ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2021
- ประเทศสหรัฐอเมริกา
หน่วยงานเอฟบีไอของสรัฐได้มีการตรวจสบการลงทุนรูปแบบดังกล่าวและพบว่าส่วนใหญ่เป็นเว็บไซต์ฉ้อฉล และไม่แนะนำให้ลงทุน
- กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ESMA สถาบันกำกับดูแลด้านการเงินของยุโรปออกกฎห้ามไม่ให้ทำการตลาดและขาย Binary Option กับนักลงทุนรายย่อยตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2018
- เบลเยี่ยม
ESMA ของเบลเยี่ยมก็ได้มีคำสั่งห้ามซื้อขาย Binary Option ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2016 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการฉ้อโกง
- แคนาดา
Canadian Securities Administrators ประกาศห้ามโฆษณาออนไลน์สำหรับเว็บไซต์ซื้อขาย Binary Option และห้ามซื้อขายออปชั่นที่มีอายุน้อยกว่า 30 วัน
- อิสราเอล
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของอิสราเอลเองก็มีคำสั่งห้ามซื้อขาย Binary Option เนื่องจากจัดรูปแบบไว้เป็นการพนันซึ่งไม่ใช่การลงทุน
- เยอรมนี
Bafin ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของเยอรมันประกาศว่ากำลังวางแผนห้ามโฆษณาและห้ามขาย Binary Option ให้กับนักลงทุนรายย่อยเช่นกัน
หลังจากทำความรู้จักกับ Binary Option กันไปแล้ว เราลองมาดูกันต่อว่า Binary Option เมื่อเทียบกับการเทรด Forex แล้วจะมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
※ Binary Option VS Forex มีความเหมือนกันอย่างไร
ทั้ง Binary Option และ Forex ต่างก็เป็นสินค้าทางการเงินที่ได้รับความนิยมจากนักเทรดเป็นอย่างสูงคล้ายคลึงกัน แต่นอกจากนี้ทั้งคู่ยังคงมีความคล้ายคลึงกันในอีกบางแง่มุม ได้แก่
- เครื่องมือทั้งสองต่างก็สามารถใช้เทรดออนไลน์ได้ทั้งสิ้น
- เครื่องมือเหล่านี้อนุญาตให้นักลงทุนสามารถเริ่มต้นการลทุนได้ด้วยเงินทุนจำนวนไม่มาก
- อนุญาตให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรราคาสินทรัพย์ได้ทั้งจากทิศทางราคาขาขึ้นและขาลง
- ในกรณีที่นักลงทุนคาดการณ์ได้ถูกต้อง เครื่องมือทั้งสองมีความสามารถสร้างผลกำไรจำนวนมากเมื่อเทียบกับเงินต้นให้กับนักลงทุนได้
※ Binary Option VS Forex มีความแตกต่างกันอย่างไร
ทั้งนี้ เครื่องมือทั้งสองชนิดก็ไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว เนื่องจากยังคงมีความแตกต่างกันอีกหลายประการ ได้แก่
● การเข้าถึงและช่วงเวลาการซื้อขาย
การเทรด Forex – นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดปริวรรตเงินตราได้โดยตรง โดยที่ตลาดนี้ที่ไม่ได้มีศูนย์กลางอยู่แค่ที่ใดที่หนึ่งในโลก แต่กระจายไปในทุก ๆ เมืองใหญ่ทางการเงินข้ามผ่านเส้นแบ่งเวลาที่แตกต่างกันในโลก ดังนั้นไม่ว่าธนาคาร สถาบัน หรือแม้แต่นักลงทุนรายย่อยก็สามรถเข้าถึงตลาดนี้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงใน 5 วันทำการของสัปดาห์
การเทรด Binary options – จะเป็นการเทรดบนเครื่องมือ Binary Option ที่อ้างอิงอยู่กับราคาสินค้าอ้างอิงที่หลากหลาย ดังนั้นนักลงทุนจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงช่วงเวลาเปิดปิดของตลาดสินค้าอ้างอิงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเอง
● อายุของตราสาร
การเทรด Binary Option – เป็นตราสารทางการเงินที่มีอายุจำกัด และส่วนใหญ่จะมีอายุสั้นมากในระดับ 1 - 15 นาที โดยที่จะมีการเลือกช่วงอายุของตราสารหรือช่วงเวลาเปิดปิดสถานะตั้งแต่ตอนเริ่มส่งคำสั่งซื้อ และเมื่อการเทรดเริ่มต้นขึ้นแล้วนักเทรดจะไม่สามารถเข้าไปปรับแก้ช่วงเวลาหมดอายุของตราสารได้อีก
หลังจากนั้นการเทรดจะจบลงแบบอัตโนมัติเมื่อถึงเวลาหมดอายุของ Binary Option ที่เลือกไว้ แม้ว่าในบางโบรกเกอร์จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนปิดสถานะได้ก่อนบ้าง แต่ทางเลือกนี้ก็ทำให้นักลงทุนยังต้องเสียเงินทุนไปเป็นจำนวนหนึ่งด้วย และทางเลือกนี้ก็ไม่ได้มีเสนอให้จากทุกโบรกเกอร์ผู้ให้บริการ
โดยทั่วไปแล้ว โบรกเกอร์จำนวนหนึ่งยังยอมให้นักเทรดยืดเวลาการหมดอายุของ Binary Option ออกไป ซึ่งเรามักรู้จักกันในชื่อ การทำ Rollover ที่จะทำได้ก็ต่อเมื่อนักเทรดเพิ่มเงินลงทุนในสัดส่วนที่โบรกเกอร์กำหนดเท่านั้น
การเทรด Forex – การเทรดชนิดนี้ไม่มีวันหมดอายุของตราสาร นักเทรดสามารถเลือกช่วงเวลาในการเทรดและถือสถานะไปได้นานตั้งแต่น้อยกว่า 1 วินาที ไปจนถึงหลายเดือนเท่าที่ต้องการ โดยเสียค่าธรรมเนียมการเปิดสถานะข้ามคืนเพิ่มเติมเป็นจำนวนเล็ก ๆ น้อย ๆ แทน
● ความเสี่ยงและความผันผวนของราคา
การเทรด Binary Options - เนื่องจากเป็นการซื้อขายบนการอ้างอิงราคาสินทรัพย์ในช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ทำให้การเทรดมักได้รับผลกระทบจากความผันผวนน้อย และความผันผวนนั้นก็ไม่ได้มีผลต่อการคำนวณผลตอบแทนด้วยเช่นกัน ทั้งผลขาดทุนและผลตอบแทนของการลงทุนด้วย Binary Option จะถูกกำหนดมาแต่แรกอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับทิศทางของราคาว่าจะกำหนดเป็นผลขาดทุนหรือผลตอบแทนเท่านั้น
การเทรด Forex - สำหรับตลาด Forex แล้วถือว่ามีความเสี่ยงและความผันผวนของราคาสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด และความผันผวนของราคานี้ก็มีผลต่อผลกำไรหรือขาดทุนของนักเทรดโดยตรง ซึ่งความผันผวนเหล่านี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้จากทั้งการซือขายล็อตใหญ่ การเข้ามากระทบของข่าวหรืออีเวนท์สำคัญ และอาจส่งผลให้นักเทรดสูญเสียเงินทั้งหมดในบัญชี หรือได้รับผลกำไรแบบไม่จำกัดเลยก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการจัดการความเสี่ยงของนักลงทุนในการเทรด forex ที่สามารถจัดการกับความเสี่ยงเหล่านี้ได้ด้วยคำสั่ง limit/stop order
● ความสามารถในการทำกำไร
การเทรด Binary Options - โดยทั่วไปแล้วการเทรด Binary Option จะไมได้ทำกำไรได้มากเมื่อเทียบกับการเทรด Forex และไม่สามารถใช้เลเวอเรจในการเทรดได้ ในการเทรด Binary Option นี้ผลกำไร/ผลขาดทุนก็จะถูกกำหนดเอาไว้ตายตัวตั้งแต่เริ่มเทรดแล้วโดยไม่เกี่ยวกับความผันผวนที่เกิดขึ้น จะเหลือก็เพียงแต่การกำหนดผลลัพธ์จากการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าอ้างอิงเท่านั้น
การเทรด Forex - ตลาด forex เป็นตลาดที่มีความหลากหลายและมีความผันผวนสูง ซึ่งสามารถนำมาซึ่งผลตอบแทนที่สูงมากขึ้นได้ด้วยการนำเลเวอเรจมาใช้ ซึ่งการนำเลเวอเรจมาใช้นี้หมายความว่านักเทรดสามารถยืมเงินทุนเข้ามาเพื่อเพิ่มขนาดการเปิดสถานะและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ด้วยเช่นเดียวกับผลขาดทุน
หากเปรียบเทียบกันแล้วความสามารถในการทำกำไรของ Binary Option นั้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการเทรด Forex ขณะที่การเทรด Forex สามารถสร้างผลกำไรให้กับนักเทรดได้ราว 200% หรือกว่านั้น ผลกำไรที่ได้จากการเทรด Binary Option นั้นมักอยู่ที่ราว 50% - 80% ของเงินลงทุนเท่านั้น
เมื่อเราพิจารณารหว่าง การเทรด Binary Option VS การเทรด Forex การจะเลือกเทรดแบบไหนนั้นเราควรต้องคำนึงถึงเงื่อนไขและความได้เปรียบของเครื่องมือแต่ละตัวก่อนเป็นอันดับแรก
● หากคุณมองหาเครื่องมือเทรดที่สามารถกำหนดความเสี่ยงได้ชัดเจน การเทรด Binary Option ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับกรณีนี้
อย่างไรก็ดี เพื่อให้สามารถทำกำไรด้วย Binary Option ได้ในระยะยาว คุณจำเป็นต้องชนะจำนวนครั้งให้ได้มากกว่าการแพ้ ซึ่งนั่นจะทำให้ผลตอบแทนโดยรวมเป็นบวก โดยทั่วไปแล้วอัตราชนะต้องคงที่มากกว่า 80% หากคุณทำได้ การเทรด Binary Option จะเป็นทางเลือกที่เหมาะกับคุณ
● สำหรับการเทรด Forex จะอนุญาตให้นักเทรดปรับแต่งจุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งนักเทรดก็ยังสามารถทำให้ผลกำไรโดยรวมเป็นบวกได้แม้มีอัตราการชนะที่ไม่มากนัก นั่นคือนักเทรดไม่จำเป็นต้องชนะหรือได้กำไรบ่อย แต่การฝึกฝนจังหวะและทักษะกาเทรดจะทำให้นักเทรดคาดหวังผลกำไรที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากความผันผวนได้
ดังนั้น หากคุณมองหาเครื่องมือที่ให้ผลตอบแทนสูง ทำกำไรได้แบบเรียลไทม์ และรับความเสี่ยงที่สูงได้ การเทดร Forex ก็เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ให้ทุกอย่างที่ว่ามานี้กับคุณได้
หลังจากที่เราไปทำความรู้จักกันมาแล้วว่า Binary Option คืออะไร มีกลไกการทำงานอย่างไร และจะสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ในรูปแบบไหนบ้าง รวมทั้งแจกแจงความเหมือนและแตกต่างจากเครื่องมือยอดนิยมไม่แพ้กันอย่างการเทรด forex ซึ่งทั้งหมดที่เล่ามาน่าจะพอเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ ได้ใช้ในการเลือกเครื่องมือการเทรดคู่ใจของตัวเองได้บ้างไม่มากก็น้อย ที่เหลือก็เพียงแค่ลงมือเทรด เฝ้าเก็บข้อมูล และประเมินผลหาจุดแก้ไขเพื่อปรับปรุงการเทรดให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปได้ในที่สุด
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง