ไม่ว่าใครที่ก้าวเข้ามาในตลาดหุ้นก็อาจจะมีบ้างที่มาด้วยความฝันว่าอยากมีส่วนเป็นเจ้าของหุ้น แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ล้วนต้องการให้ผลตอบแทนงอกเงยจากเงินลงทุนทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่เข้ามาแล้วจะประสบความสำเร็จได้รับเงินเป็นกอบเป็นกำกลับไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่ไม่มีความรู้และมีประสบการณ์น้อยก็แทบจะเรียกได้ว่ามีโอกาสทำกำไรเป็น 0 ทีเดียว
ถึงอย่างนั้นเราก็ยังพอจะมีเคล็ดลับสำหรับมือใหม่เล่นหุ้นยังไงให้รวยอยู่ และเป็นแนวทางที่ไปได้เพียงแค่อาศัยการวางแผนและติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด แต่ก่อนอื่นเราต้องมาดูปัญหาที่ทำให้เล่นหุ้นยังไงก็ไม่รวยกันก่อน
ทั้งมือใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดและยังไม่สามารถทำกำไรได้ รวมทั้งนักลงทุนหน้าเก่าที่ยังทำกำไรไม่ได้เสียที ส่วนใหญ่แล้วจะประสบปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างตามที่จะกล่าวต่อไปนี้
1) ประสบการณ์น้อย/ไม่มีความรู้
ด้วยจุดอ่อนข้อนี้ทำให้นักเทรดตาบอดไปแล้วหนึ่งข้าง เพราะการไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนอีกทั้งยังมีประสบการณ์น้อย ทำให้นักเทรดมองตลาดไม่ออก และไม่สามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนเองได้ ส่วนการลอกการบ้านเล่นตามคนอื่นก็เป็นวิธีที่มีความเสี่ยง เพราะเป็นการทำออเดอร์ที่ช้ากว่าคนอื่น จึงอาจเข้าซื้อ/ขาย ในจังหวะที่ผิดได้
ปัญหาข้อนี้มีวิธีแก้ไม่ยาก นั่นคือหมั่นหาความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักเทรดในสายที่ตัวเองสนใจ และหมั่นทดสอบ/ฝึกฝน/หาประสบการณ์ด้วยการใช้เงินน้อย ๆ หรือการใช้บัญชีทดลองก่อน
2) มีการบริหารจิตวิทยาไม่ถูกต้อง
ความยากของการลงทุนในตลาดหุ้นอีกรูปแบบหนึ่งคือการเหวี่ยงตัวของราคาหุ้นมักมีผลต่อจิตวิทยาของนักเทรดสูง ยิ่งหุ้นที่มีการเหวี่ยงตัวมากหรือผันผวนมาก ก็ยิ่งทำให้การตัดสินใจของนักเทรดแกว่งไปด้วยความโลภ/ความกลัวได้ง่าย จนทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด เช่น เข้าซื้อในราคาที่สูงเพราะคิดว่าราคาจะปรับตัวขึ้นไปอีก หรือขายขาดทุนในราคาต่ำเนื่องจากคิดว่าราคาจะลงไปอีก
ปัญหาข้อนี้ก็มีวิธีแก้ได้สองสามทาง นั่นคือ ศึกษาเรื่องจิตวิทยาการลงทุนก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้รู้ว่าการตัดสินใจของเราสามารถผิดพลาดได้ในรูปแบบได้บ้าง และเรียนรู้จากมัน, หรือ นำระบบเทรดเข้ามาใช้เพื่อตัดการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจออกไป ซึ่งวิธีนี้จะแทบไม่ต้องพูดถึงจิตวิทยาในการลงทุนเลย เพราะการตัดสินใจจะอ้างอิงจากระบบเทรดเพียงอย่างเดียว
3) ไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดทำให้นักเทรดลดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ซึ่งวิธีนี้ทำได้โดยการบันทึกและประเมินผลการเทรดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาจุดบกพร่องแล้วหาวิธีแก้ไข ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะช่วยลดโอกาสผิดพลาดในครั้งต่อไปแล้ว ยังช่วยให้นักเทรดเรียนรู้ตลาดได้อย่างลึกซึ้งมากกว่าที่เคยเป็นด้วย
4) เทรดเป็นการพนัน
ปัญหาข้อนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการไม่บริหารจิตวิทยาในการลงทุน แต่ปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำแทนที่จะใช้แผนที่วางไว้ และคิดแต่จะถอนทุนคืนจนทำออเดอร์ในจุดที่เสี่ยงสูงและทำให้เกิดการขาดทุนซ้ำ ๆ ตามมาจนหมดตัวได้
การแก้ปัญหานี้จำเป็นต้องใช้วิธีเดียวกับการบริหารจิตวิทยาในการลงทุน นั่นคือการนำระบบเทรดเข้ามาช่วยในการตัดสินใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกอคติเข้าครอบงำการเทรดจนเกิดความผิดพลาดได้
สำหรับผู้ที่เริ่มสนใจเล่นหุ้นไม่ว่าจะมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ หรือแม้แต่มือเก๋าที่อยากเริ่มต้นใหม่ให้เล่นแล้วรวยสักทีคงต้อเริ่มจากการ “วางแผนการเทรดอย่างเป็นระบบ” ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยปิดจุดอ่อนที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเริ่มจาก
1) ตั้งเป้าหมาย
สำหรับผู้ที่อยากเล่นหุ้นยังไงให้รวย แต่ละคนก็มีนิยามและเป้าหมายของความ “รวย” แตกต่างกัน แต่เราต้องระบุให้ได้ว่า “เล่นให้รวย” สำหรับเราตีเป็นตัวเงินกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินต้นต่อปี แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องคำนึงถึงความเป็นจริงของตลาดหุ้นด้วย เช่น หากมีเงินทุนตั้งต้น 10,000 บาท วางแผนเล่นหุ้นให้รวยไว้ที่กำไร 100 เท่าของเงินต้น คือ 1,000,000 บาท สำหรับตลาดหุ้นไทยที่มีการโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ซึ่งหากเราเลือกลงทุนได้ถูกตัวก็อาจได้กำไรราว 25-30% ต่อปี นั่นหมายความว่าเป้าหมายที่วางไว้อาจต้องใช้เวลากว่า 18 ปี เพื่อสร้างผลตอบแทน 100 เท่าของเงินต้น
แต่ถ้านักเทรดคิดว่าสามารถทำกำไรได้ปีละ 2 เท่าของเงินต้น นั่นคือกำไร 100% ต่อปี ก็อาจใช้เวลาเพียง 3-4 ปีเพื่อให้ได้ผลตอบแทน 100 เท่าของเงินต้น
ดังนั้น เพื่อให้ทราบแน่ว่าเราต้องการกำไรเท่าไหร่ จะมีผลต่อผลกำไรคาดหมายต่อปี และระยะเวลาในการรอให้ผลตอบแทนงอกเงย ซึ่งจะทำให้เราพอจะนำไปกำหนดแผนการเทรดแบบคร่าว ๆ ได้
2) กำหนดกลยุทธ์การลงทุน
หากนักเทรดเลือกกลยุทธ์เล่นหุ้นให้รวยด้วยการใช้ระยะเวลารอคอยที่ยาว ด้วยการคาดหวังผลตอบแทนที่ 25-30% ต่อปี นักเทรดสามารถเลือกกลยุทธ์ด้วยการเลือกหุ้นเติบโต และใช้กลยุทธ์ซื้อแล้วถือ (Buy & Hold) ได้
ในทางตรงกันข้าม หากนักเทรดต้องการผลกำไร 100% ต่อปี เพื่อลดระยะเวลาในการรอคอย ก็จำเป็นต้องเลือกลงทุนในหุ้นที่เติบโตสูงและมีความเสี่ยงสูงขึ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาด และจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์การเทรดตามรอบเพื่อเก็บส่วนต่างของราคาให้ได้มากที่สุด ซึ่งวิธีนี้จำเป็นต้องอาศัยความชำนาญและแม่นยำ จึงควรศึกษาการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคเพิ่มเติม
3) คัดเลือกหุ้นที่สนใจลงทุน
ถึงตรงนี้นักเทรดจำเป็นต้องเลือกหุ้นที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างผลกำไรต่อปีตามที่คาดหวังไว้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย นักเทรดจึงจำเป็นต้องทำการบ้านและหาข้อมูลให้ดี
4) ส่งคำสั่งซื้อ/ขายและติดตามผลสม่ำเสมอ
เมื่อได้กลยุทธ์มาเรียบร้อย นักเทรดก็เพียงแค่ทำตามแผนการที่วางไว้ เข้าซื้อในจุดที่มองว่าเป็นราคาต่ำ และรอขายในจังหวะที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นไปตามเป้าหมาย และมีการประเมินผลเป็นระยะเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทั้งนี้ควรมีจุดตัดขาดทุนและจุดล็อกผลกำไรไว้ด้วยเสมอ
ด้วยการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและการวางแผนการเทรดที่รัดกุมจะช่วยให้นักเทรดปิดจุดอ่อนทั้งด้านความรู้ประสบการณ์และจิตวิทยาการลงทุนไปได้ หลังจากนั้นก็เพียงแต่อาศัยวินัยที่จะทำตามแผนการที่วางไว้เท่านั้น
ทั้งนี้สิ่งหนึ่งที่ยังอาจเป็นปัญหาสำหรับนักเทรดที่อยากเล่นหุ้นให้รวยอาจไม่ใช่ที่จำนวนผลกำไรที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นระยะเวลาในการรอคอย แน่นอนว่าหากนักเทรดต้องการรวยด้วยระยะเวลาที่สั้นลง เช่น จาก 18 ปี เหลือเพียง 3-4 ปี ก็จำเป็นต้องหาหุ้นที่ทำกำไรให้ได้ต่อปีมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับตลาดหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปี แต่หากเปลี่ยนเครื่องมือเป็นการเทรดอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับราคาหุ้น ความเป็นไปได้ของการได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าก็จะมีเพิ่มมากขึ้น
CFD หรือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Contract for Difference) เป็นเครื่องมือทางอนุพันธ์ชนิดหนึ่งที่เปิดโอกาสให้นักเทรดทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นโดยไม่ต้องทำการซื้อขายหุ้นจริง และยังสามารถใช้ประโยชน์จากอัตราทด(Leverage) เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรด้วยการวางเงินซื้อขายบางส่วนของมูลค่าสัญญา นั่นหมายความว่าหากใช้อัตราทด 20 เท่า เมื่อราคาหุ้นเปลี่ยแปลงไป 1% การซื้อขาย CFD จะสามารถให้ผลตอบแทนได้ 20% ของเงินลงทุน และน่าจะเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้นักเทรดบรรลุเป้าหมายเล่นหุ้นให้รวยได้ในเวลาที่สั้นลง
เพื่อให้นักเทรดเข้าใจถึงความได้เปรียบของการเทรดอนุพันธ์หุ้นด้วย CFD ผู้เขียนได้ทำการเปรียบเทียบการเทรดหุ้นที่ตลาดหุ้นและการเทรดอนุพันธ์หุ้นด้วย CFD ตามตารางด้านล่าง
รายการ | การเทรดหุ้นที่ตลาดหุ้น | การเทรดอนุพันธ์หุ้นด้วย CFD |
เลเวอเรจ | 0 | 1:20 |
ราคาเปิด | 1, 000 USD | 1, 000 USD |
ราคาปิด | 1, 100 USD | 1, 100 USD |
ขนาดการซื้อขาย | 1 ล็อต | 1 ล็อต |
เงินทุนตั้งต้น | 1000 USD | 50 USD |
กำไรที่ได้ | 100 USD | 100 USD |
อัตราผลตอบแทน | 10% | 200% |
* เลเวอเรจเป็นดาบคมสองด้าน ไม่ใช่ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะก็สามารถขยายขาดทุนเช่นกัน นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจสูงเกินโดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ และควรจัดความเสี่ยงให้ดีๆ
นอกจากนี้แล้ว การเทรดหุ้น CFD ยังสามารถเทรดได้สองทิศทาง หมายถึงนักเทรดสามารถเปิด คำสั่งซื้อ (long position) เมื่อคาดว่าราคาหุ้นตัวนั้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือ เปิด คำสั่งขาย (short position) เมื่อคาดว่าราคาหุ้นตัวนั้นจะปรับตัวลดลง
『 ค่าธรรมเนียม 0 สเปรดต่ำ เลเวอเรจสูง 』
『 ฟรีเงินเสมือนจริง 50, 000 USD 』
『 ฟรีเครื่องมือการจัดการความเสี่ยง 』
ทั้งนี้เราได้แนะนำเคล็ดลับสำหรับมือใหม่เล่นหุ้นยังไงให้รวย รวมทั้งการใช้เครื่องมืออย่าง CFD เพื่อเล่นหุ้นให้รวยได้ในระยะเวลาที่เร็วขึ้นนั้น แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น นักเทรดจึงจำเป็นต้องศึกษาวิธีการใช้ เทคนิคการวางออเดอร์ รวมถึงการควบคุมความเสี่ยง และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแผนการเทรดที่เป็นระบบมากขึ้น เพื่อให้เล่นหุ้นยังไงให้รวยบรรลุเป้าหมายได้ในที่สุด
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง