ความแตกต่างระหว่าง forex กับ futures มีอะไรบ้างอาจเป็นคำถามคาใจนักลงทุนหลาย ๆ คน เนื่องจากศัพท์แสงทางการเงินนั้นมีมากมาย และบางครั้งก็สามารถสร้างความสับสนได้ง่าย แต่การจะลงทุนในสินทรัพย์แบบที่ไม่รู้ที่มาที่ไปนั้นจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับการลงทุนจนอาจเกิดเป็นความเสียหายตามมาได้ ดังนั้นคราวนี้เราจึงจะมาชวนคุยเรื่องความแตกต่างระหว่าง forex กับ futures ให้ละเอียดยิ่งกว่าที่เคยกัน
1.1 Forex คืออะไร
Forex คือ “ค่าเงิน” หรือที่นักท่องเที่ยวและผู้ที่ชื่นชอบซื้อของจากต่างประเทศคุ้นเคยกันในชื่อของ “เรทค่าเงิน” ที่เอาไว้แลกจากเงินสกุลหนึ่งไปเป็นอีกสกุล ซึ่ง Forex สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์เศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
ในทางการเงินการลงทุนแล้ว ตัว Forex ถือเป็นสินทรัพย์ชนิดหนึ่งที่สามารถเข้าลงทุนหรือเก็งกำไรได้ โดยที่การเปลี่ยนแปลงของ Forex ที่เกิดเป็นการแข็งค่า – อ่อนค่าของสกุลเงิน จะเกิดเป็นส่วนต่างของราคาซื้อขาย ซึ่งส่วนต่างนี้จะกลายมาเป็นผลกำไรจากการลงทุนได้
อย่างไรก็ดี การทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของ Forex ด้วยการซื้อขายแบบสป็อตอาจต้องใช้เวลายาวนานเป็นปี ๆ กว่าที่ราคา Forex จะเปลี่ยนแปลงในระดับหลายเปอร์เซ็นต์จนคุ้มค่าที่จะลงทุน แต่หากมองถึงการทำกำไรในระยะสั้นจากความผันผวนเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างวัน เราก็ยังมีเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ เข้ามาเป็นตัวช่วยในการสร้างกำไรให้กับนักลงทุนด้วยอัตราทดได้
1.2 จะเทรด Forex ได้อย่างไร
เดิมหากเราต้องการซื้อขาย Forex หรือแลกเงินก็อาจต้องไปแลกกับธนาคารหรือร้านแลกเงิน แต่สำหรับการซื้อขาย Forex ในปัจจุบันนั้นทำได้ง่ายกว่านั้น ด้วยการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ก็สามารถซื้อขาย Forex ผ่านอินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัยของเงินทุน นักลงทุนรายย่อยก็ควรตรวจสอบใบอนุญาติและการกำกับดูแลของโบรกเกอร์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย
สำหรับการเทรด Forex นักลงทุนควรคำนึงถึงข้อเท็จจริงอยู่สองสามอย่าง นั่นคือ อย่างแรก เวลาที่เราซื้อคู่เงินใดคู่เงินหนึ่ง เช่น USDJPY นั่นหมายความว่าเรากำลังซื้อ USD ด้วยการขาย JPY ออกไป แม้ว่าในพอร์ตของนักลงทุนจะถือสกุลเงิน EUR อยู่ก็ตาม และกระบวนการทั้งหมดจะถูกจัดการโดยโบรกเกอร์ผู้ให้บริการ และรายงานผลกำไรขาดทุนแบบเรียลไทม์ ซึ่งคู่เงินที่นักลงทุนเลือกเทรดได้นั้นมีอยู่มากมาย ตรวจสอบได้จากลิสต์การให้บริการของโบรกเกอร์แต่ละราย
ถัดมาคือปริมาณการซื้อขาย ที่โบรกเกอร์มักใช้หน่วยวัดเป็นล็อต (Lot) บางโบรกเกอร์อาจให้บริการด้วยขนาดที่เล็ก เช่น 1,000 หน่วยของสกุลเงินต่อล็อต หรือขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาอาจเป็น 100 หน่วยสกุลเงินต่อล็อต ซึ่งนักลงทุนจำเป็นต้องตรวจสอบขนาดของล็อตที่เทรด เพราะว่าขนาดการเทรดหรือขนาดของล็อต (Lot) จะมีผลต่อการวางเงินหลักประกันและมูลค่าขั้นต่ำสำหรับการรักษาสถานะสัญญาด้วย
1.3 ข้อดีและข้อควรคำนึงสำหรับการเทรด Forex
เนื่องจากตลาด Forex ได้ชื่อว่าเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกการเงิน การเทรด Forex จึงมีข้อดีในแง่ที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง, มีการเปิดซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 5 วันต่อสัปดาห์ ทั้งยังมีต้นทุนในการซื้อขายต่ำ แต่ละโบรกเกอร์ที่ให้บริการมักเสนอบริการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานได้ง่าย สามารถเทรดได้ทุกที่ทุกเวลา
อย่างไรก็ดี ตลาดซื้อขาย Forex ก็ได้ชื่อว่าเป็นตลาดที่มีความผันผวน (Volatility) สูงที่สุดตลาดหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นเวลาที่เกิดเหตุการณ์สำคัญก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญได้ รวมถึงการใช้อัตราทดในระดับสูงก็เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงให้เกิดการบังคับปิดสัญญา (Liquidate) ได้ด้วย
2.1 Futures คืออะไร
Futures คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า และเป็นเครื่องมือทางอนุพันธ์ (derivative) ชนิดหนึ่ง ตัวสัญญา Futures นี้จะมีการซื้อขายกันเป็นสัญญาที่อ้างอิงราคาของสินค้าอ้างอิง (Underlying) ซึ่งเป็นได้ทั้ง ทองคำ น้ำมัน หรือแม้แต่สินค้าเกษตรอย่าง ข้าว น้ำตาล เมล็ดกาแฟ ฯลฯ ซึ่งสัญญา Futures ที่ซื้อขายจะมีการวางเงินค้ำประกันแค่ ‘บางส่วน’ ของมูลค่าสัญญาทั้งหมด และทำการปิดสัญญาได้ก็ต่อเมื่อส่งมอบสินค้าหรือทำรายการในฝั่งตรงข้าม โดยคิดกำไรจากส่วนต่างนั้น
สัญญา Futures มีลักษณะเฉพาะคือ จะมีการซื้อขายเฉพาะในตลาดที่เป็นมาตรฐาน เช่น การซื้อขาย Futures น้ำมันดิบ WTI เกิดขึ้นที่ตลาด NYMEX หรือ การซื้อขาย Futures ทองคำจะเกิดขึ้นที่ตลาด COMEX เป็นต้น โดยที่การซื้อขายจะมีขนาดของสัญญาและระยะเวลาส่งมอบกำหนดเป็นมาตรฐานเดียว ซึ่งแตกต่างจากสัญญา Forward ที่สามารถตกลงเงื่อนไขกันเองในรายละเอียดที่ต่างไปได้ การเทรด Futures จึงทำได้ผ่านโบรกเกอร์ที่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายในตลาดนั้น ๆ ได้เท่านั้น
2.2 ข้อดีและข้อควรคำนึงสำหรับการเทรด Futures
การเทรด Futures มีข้อดีที่เป็นการเทรดในตลาดที่เป็นมาตรฐาน มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในแง่ที่มีความเสี่ยงเรื่องวันหมดอายุของสัญญา และยังมีความเสี่ยงในการถูกบังคับปิดสัญญา (Liquidate) ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ การเทรด Future มักมีการซื้อขายในขนาดมูลค่าสัญญาขนาดใหญ่ เช่น การเทรดทองคำในตลาด COMEX คิดมูลค่า 100 ออนส์ทองคำต่อ 1 สัญญา และต้องใช้เงินวางสัญญาถึง $7,920 หรือประมาณ 2 แสนกว่าบาท จึงไม่เอื้อต่อการเทรดของนักลงทุนรายย่อยนัก
แม้ว่าทั้ง Forex และ Futures จะเป็นเครื่องมือทางการเงินที่อยู่ในกลุ่มอนุพันธ์ (Derivatives) เหมือนกัน แต่เครื่องมือทั้งสองก็ยังมีความแตกต่างที่ชัดเจนอยู่หลายอย่าง ได้แก่
● Forex เป็นการซื้อขายแบบ over-the-counter (OTC) ไม่มีตลาดซื้อขายที่เฉพาะเจาะจง ขณะที่การซื้อขาย Futures นั้นจะเกิดขึ้นในตลาดที่เป็นมาตรฐาน เช่น COMEX NYMEX ฯลฯ
● การซื้อขาย Forex นั้นไม่มีวันหมดอายุของสัญญา นักลงทุนสามารถถือสัญญาได้ตราบเท่าที่ต้องการโดยเสียอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนเป็นค่าตอบแทน ขณะที่การเทรด Futures นั้นมีวันหมดอายุที่แน่นอน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงของการเทรดเครื่องมือตัวนี้
● การกำหนดราคาเทรดของ Forex นั้นเกิดจากการเปรียบเทียบของสองสกุลเงิน ขณะที่ราคาของ Futures นั้นจะเป็นราคาของการซื้อขายสินค้านั้นจริง ๆ
● การเทรด Forex สามารถเข้าถึงได้ด้วยเงินทุนที่น้อยกว่า ขนาดสัญญาเล็กกว่า และใช้อัตราทดได้สูงกว่า ขณะที่การเทรด Futures นั้นจำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก จากขนาดสัญญาที่มีขนาดใหญ่และมีการใช้อัตราทดที่น้อยกว่า
สำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาในตลาด การเลือกระหว่างการเทรด Forex หรือ Futures อาจทำให้สับสนอยู่บ้าง แต่ลองถามตัวเองด้วยเงื่อนไขต่อไปนี้ก็จะพอบอกได้ว่าคุณเหมาะกับการเทรดประเภทไหน นั่นคือ
● ระยะเวลาการเทรด ต้องการเทรดระยะสั้นหรือระยะยาว ซึ่งหากคุณเน้นการเทรดระยะสั้น เครื่องมือทั้งสองตัวล้วนเหมาะสมทั้งนั้น แต่หากเริ่มมองถึงการเทรดระยะยาว การเทรด Futures อาจมีข้อจำกัดที่เวลาหมดอายุของสัญญา ดังนั้นการเทรด Forex จะเหมาะกับการเทรดระยะยาวมากกว่า
● ขนาดของเงินทุน หากคุณไม่มีข้อจำกัดด้านขนาดของเงินทุน การเทรด Futures หรือ Forex ก็ล้วนทำได้ทั้งนั้น แต่หากคุณมีเงินทุนไม่มากในขนาดที่ต่ำกว่าหลักแสน การเทรด Forex จะเหมาะสมกับขนาดเงินทุนมากกว่า
● สินค้าที่ต้องการเทรด การเทรด Futures มักมีสินค้าพวกสินค้าโภคภัณฑ์ให้เลือกเทรด ขณะที่การเทรด Forex นั้น ในบัญชีเดียวกันยังสามารถเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงินดิจิทัล ฯลฯ ได้หลากหลาย ซึ่งหากคุณต้องการเทรดสินค้าที่มีความหลากหลาย การเทรด Forex ก็จะตอบสนองได้ดีกว่า
ในความเป็นจริง การเทรด Forex นั้นเป็นวิธีที่เข้าถึงง่ายสำหรับนักลงทุนมือใหม่รวมถึงรายย่อย เนื่องจากสามารถเปิดบัญชีได้ง่าย ใช้เงินลงทุนไม่มาก และมีการจำกัดความเสี่ยงสำหรับการลงทุนแม้เป็นการลงทุนระยะยาว ขณะที่การลงทุนใน Futures นั้นค่อนข้างเรียกร้องเงินลงทุนมาก และมีปัจจัยกำหนดความเสี่ยงที่ซับซ้อนขึ้น ทั้งวันหมดอายุสัญญาหรือการกำหนดมาร์จิ้นที่มีระดับต่างๆ กันไป ทำให้ต้องอาศัยความชำนาญและเชี่ยวชาญมากกว่าการลงทุนใน Forex
อย่างไรก็ดี ไม่ว่า Forex หรือ Futures ต่างก็เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สำคัญและได้รับความนิยมจากนักลงทุนสูงไม่แพ้กัน ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดต่างก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือความแตกต่างระหว่าง forex กับ futures ที่เรานำมาฝากกันในคราวนี้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับการเทรดที่เหมาะสมให้สามารถสร้างความได้เปรียบและลบจุดอ่อนของนักลงทุน และสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืนได้ในที่สุด
บทความอื่นๆ เกี่ยวกับ Forex>> วิธีการอ่านค่าเงินในตลาด Forex คำสั่ง Long (Buy), Short (Sell) คืออะไร? การเทรด Forex ผิดกฎหมายหรือไม่ |
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง