เยี่ยมชม Mitradeเทรดกับ เว็บ Mitradeเทรดกับ แอพ Mitradeเทรดกับ แอพ Mitrade
สแกนเพื่อดาวน์โหลด
นโยบายกองบรรณาธิการเกี่ยวกับเรา
Mitrade Logoมุมมองการลงทุน

แนวโน้มค่าเงินยูโร 2020

ผู้เขียน
|อัพเดทครั้งล่าสุด 22 มี.ค. 2566 09:10 น.
8760
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย

เกริ่นนำ

EUR/USD เป็นคู่เงินหนึ่งที่ขาเทรดฟอเร็กซ์ต้องรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดีแน่ ๆ เพราะคู่เงินนี้มีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูงมากเป็นลำดับต้น ๆ ทำให้มีสภาพคล่องเยอะซึ่งเป็นเงื่อนไขอันดีสำหรับเทรดเดอร์ที่จะเข้าไปเก็งกำไร แต่สำหรับมือใหม่การจะเข้าไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้านั้นคงไม่ดีแน่ คราวนี้ผู้เขียนจึงมาชวนเทรดเดอร์รวมไปถึงนักลงทุนมาดูแนวโน้มค่าเงินยูโร 2020 กันเสียหน่อย ไม่ใช่แค่เพื่อให้เทรดเดอร์มีไกด์ไลน์ในการซื้อขายเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางให้นักลงทุนระยะยาวได้เห็นภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจการเงินของโลกระหว่างมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างสินทรัพย์ในโลกด้วย

ความน่าสนใจของเงินยูโร 2020

การรวมตัวของสหภาพยุโรปมีมานาน แต่ขั้นตอนสุดท้ายที่เกิดขึ้นในปี 1998 คือการรวมเศรษฐกิจการเงินของยุโรปเป็นหนึ่งเดียว Economic and Monetary Union (EMU) และมีการจัดตั้งธนาคารกลางยุโรป European Central Bank (ECB) ทำหน้าที่ดูแลเสถียรภาคทางการเงิน บนสกุลเงินที่ทุกคนตกลงใช้ร่วมกันนั่นคือ Euro (€) ที่เริ่มประกาศใช้เมี่อวันที่ 1 มกราคม 1999 ปัจจุบันมี 19 ประเทศทั่วทวีปยุโรปตกลงใช้เงินสกุลนี้ร่วมกัน

 

เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่แสดงถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเมืองในการรวมตัวกันของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เงินยูโรจึงสามารถบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของสภาพเศรษฐกิจและอิทธิพลทางการเมืองที่สหภาพยุโรปมีในโลก รวมถึงสัดส่วนการค้าระหว่างประเทศที่กินส่วนแบ่งสูงถึงกว่า 20 % ของการค้าในโลก ทำให้ค่าเงินยูโรกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินทรงอิทธิพลของโลกและมีนักลงทุนให้ความเชื่อมั่นสูงจนนำเข้าไปถ่วงน้ำหนักในตะกร้าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) มากเป็นอันดับหนึ่งด้วยน้ำหนักถึง 57.6%

 

การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินยูโรก็เป็นเช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินต่าง ๆ ในโลกที่ไม่สามารถตีมูลค่าของตัวเงินออมาได้ แต่ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยเปรียบเทียบกับสินทรัพย์อื่น และคู่เงินที่นักลงทุนนิยมนำมาวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินยูโรที่สุดคงหนีไม่พ้น ค่าเงินดอลลาร์ EUR/USD


EUR/USD คือคู่เงินที่บอกว่า ต้องใช้เงินกี่ดอลลาร์ เพื่อแลกมาด้วยเงิน 1 ยูโร เช่น EUR/USD = 1.12464 นั่นหมายความว่านักลงทุนจะต้องใช้เงิน 1.2464 ดอลลาร์เพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน 1 ยูโรนั่นเอง

 

ด้วยความที่สกุลเงินทั้งสอง ทั้ง EUR และ USD เป็นเงินสกุลที่มีความนิยมใช้กันมาก และเป็นค่าเงินที่มีความแข็งแกร่งทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ขณะที่ EUR เป็นสกุลเงินที่ใช้ในการค้าและการลงทุน USD ก็เป็นทั้งสกุลเงินสำรอง (Reserve Currency) หลักของประเทศต่าง ๆ ในโลก รวมถึงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนมักมองหาในยามที่ตลาดเกิดความเสี่ยงที่ต้องการหลีกเลี่ยง ทำให้การซื้อขายคู่เงิน EUR/USD กลายเป็นสกุลเงินที่มีปริมาณการซื้อขายสูงติดอันดับต้น ๆ ของโลกไปโดยปริยาย

 

การวิเคราะห์คู่เงิน EUR/USD จึงทำให้นักลงทุนได้มองเห็นการคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก การค้าระหว่างประเทศ และมุมมองความเสี่ยงที่นักลงทุนมีต่อตลาดเงินตลาดทุนด้วย ซึ่งข้อมูลนี้จะสร้างโอกาสในการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนได้ นอกเหนือไปจากการคาดการณ์และเก็งกำไรค่าเงินเพียงอย่างเดียว


ปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินยูโร 2020

 การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินโดยปกติแล้วจะวัดค่าได้ยาก จึงจำเป็นต้องอาศัยการอ้างอิงกับสินทรัพย์ตัวอื่นเพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงโดยเปรียบเทียบ สำหรับค่าเงินยูโรนิยมใช้การเปรียบเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ EUR/USD การจะวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินยูโรจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยที่จะมากระทบกับค่าเงินทั้งสกุลเงินยูโรและดอลลาร์ร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2020 ที่ตลาดการเงินมีความท้าทายจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ค่าเงินทั้งสองสกุลจะอยู่ในความเสี่ยงอะไรและมีปัจจัยใดต้องพิจารณากันบ้าง


สำหรับดอลลาร์ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์นอกจากจะเป็นสกุลเงินหลักของโลกแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หรือ Safe Heaven ด้วย สำหรับปี 2020 ปัจจัยที่น่าจับตามองสำหรับการเปลี่ยนแปลงฝั่งสกุลเงินดอลลาร์จึงหนีไม่พ้นการประเมินความเสี่ยงของนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนมากท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ถ้านักลงทุนประเมินแล้วว่าตลาดมีความเสี่ยงและพยายามหลีกหนีความเสี่ยง (Risk off หรือ Risk Aversion) นักลงทุนจะทิ้งสินทรัพย์อื่นและเปลี่ยนมาถือดอลลาร์มากขึ้น ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าและเงินยูโรจะอ่อนค่าลงโดยเปรียบเทียบ หรือ EUR/USD ปรับตัวลดลง


แต่หากนักลงทุนประเมินว่าความเสี่ยงในตลาดยังคุ้มค่าที่จะเสี่ยง (Risk on) นักลงทุนจะแสวงหาโอกาสจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เช่น หุ้น หรือพันธบัตรประเทศเกิดใหม่ ทำให้ต้องขายดอลลาร์ออกมาเพื่อไปซื้อสินทรัพย์อื่น ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง และยูโรแข็งค่าขึ้นโดยเปรียบเทียบ หรือ EUR/USD ปรับตัวสูงขึ้น (อ่านเพิ่มเติม แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ 2563: จุดวัดใจของพญาอินทรีย์)


ฝั่งสกุลเงินยูโรปัจจัยด้านการเมืองในสหภาพยุโรปกำลังเป็นที่จับตาของนักลงทุนและเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อค่าเงินยูโร โดยเฉพาะการเจรจาต่อรองผลประโยชน์ของสหภาพยุโรปและอังกฤษหลังอังกฤษแยกตัวจากไป (อ่านเพิ่มเติม สรุป Brexit คืออะไร? Brexit แล้วไปไหนต่อ?


หากสหภาพยุโรปยังคงมีการรวมกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น ไม่มีใครอยากออกจากสหภาพไปอีกก็แน่นอนว่าจะเป็นผลดีกับค่าเงินยูโร แต่หากการเมืองในสหภาพยุโรปเกิดความระส่ำระสายขึ้นมา ก็จะส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนซึ่งจะลดการถือครองเงินยูโร ทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงไป หรือ EUR/USD ปรับตัวลดลง


นอกจากนี้ สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยสำหรับการประเมินผลกระทบในตลาดเงินคือการดำเนินโยบายทางการเงินของ Federal Reserve-FED และ European Central Bank-ECB โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดเงินผันผวนและเปราะบางจากวิกฤต Demand Shock, Supply Shock และอาจจะไปถึง Debt Crisis ธนาคารกลางหลายแห่งในโลกเร่งเติมสภาพคล่องเข้ามาในระบบ ทั้ง FED และ ECB ดูจะเป็นตัวตั้งตัวตีที่กลับมาทำ QE อีกครั้ง (อ่านเพิ่มเติม QE คืออะไร?)


สำหรับ FED ประกาศใช้มาตรการนี้ด้วยวงเงินไม่จำกัด ส่วน ECB ใช้วงเงินไปแล้วอย่างน้อย 7.5 แสนล้านยูโร ซึ่งแน่นอนว่าการเพิ่มสภาพคล่องเข้ามาในระบบแบบนี้จะทำให้ค่าเงินอ่อนลงขึ้นอยู่กับว่าใครจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบมากกว่ากัน 


ข้อมูลทางเศรษฐกิจก็เป็นอีกข้อมูลหนึ่งที่นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นปัจจัยแรก ๆ ที่บ่งชี้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด19 ยิ่งประเทศไหนไม่ว่าสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปหากมีตัวเลขทางเศรษฐกิจที่แสดงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด19ได้เร็วกว่า ก็มีแนวโน้มที่นักลงทุนจะให้ความสนใจเข้าลงทุนและถือครองสกุลเงินนั้นมากกว่า ทำให้ค่าเงินนั้นแข็งค่าขึ้นมากกว่าอีกสกุลเงินโดยเปรียบเทียบ


แนวโน้มค่าเงินยูโร 2020

15940885307766


ที่มา:Mitrade


เดิมทีแนวโน้มค่าเงินยูโรปี 2020 ในทางพื้นฐานคาดว่า EUR/USD จะแข็งค่าได้จากการกลับมาเติบโตของเศรษฐกิจโลกและบรรยากาศสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐที่เริ่มคลี่คลาย แต่ราคา EUR/USD ก็เริ่มปรับตัวลงตั้งแต่ต้นปีที่มีประเด็น Brexit จะออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มกราคม 2020 และราคาก็เริ่มเทโครมลงมาในช่วงกลางเดือนมีนาคมเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19เริ่มแพร่กระจายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้หลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรปเริ่มมีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

 

เมื่อการแพร่ระบาดของโควิดบวกเข้ากับความกลัวความเสี่ยง (Risk off) ที่เริ่มแพร่กระจายไปทั่วตลาดเงินตลาดทุน ทำให้ดอลลาร์ที่มีฐานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเป็นที่ต้องการมากขึ้น ในทางกลับกันก็ทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมาก EUR/USD ปรับลดลงจนแตะราว 1.065 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของปี 2020

 

จากความปั่นป่วนของตลาดเงินและดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED กลับมาใช้มาตรการ QE อีกครั้งด้วยวงเงินไม่จำกัด ทำให้ดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลง เช่นเดียวกับที่ธนาคารกลางยุโรปก็ออกมาตรการ QE ออกมาเช่นกัน แต่ด้วยวงเงินที่ไม่สูงเท่า ทำให้ค่าเงินยูโรเริ่มกลับมาทรงตัวและปรับตัวสูงขึ้นได้อีกครั้งขึ้นทดสอบ 1.145 ที่เป็นจุดสูงสุดที่เคยทำไว้ในปีนี้ก่อนที่ราคาจะปรับตัวลงมา


15940891448597

ที่มา:Mitrade


จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ยุโรปเริ่มจัดการกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19ได้แล้ว แต่มองในฝั่งสหรัฐอเมริกายังได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับหนึ่งของโลก ผลกระทบของไวรัสโควิดต่อภาคเศรษฐกิจจริงของอเมริกาจึงยังไม่น่าจะสิ้นสุดลงง่าย ๆ บวกรวมกับปัจจัยด้านนโยบายทางการเงินของ FED ที่ยังคงเดินหน้าทำ QE ต่อ ทำให้เมื่อเปรียบเทียบพื้นฐานของทั้งสองประเทศ ฝั่งสหภาพยุโรปจึงน่าจะมีการจัดการและฟื้นตัวจากไวรัสโควิด19 ได้ดีกว่า และทำให้ค่าเงินยูโร EUR/USD กลับมาแข็งค่าได้


มองในแง่การวิเคราะห์ทางเทคนิค จะเห็นได้ว่าจากกราฟราคารายสัปดาห์ ช่วงปี 2017 นับเป็นปีที่ดีสำหรับเงินยูโรที่มีการแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็กลับมาอ่อนค่าลงทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่องจากประเด็นที่อังกฤษยังยืนกรานที่จะออกจากสหภาพยุโรปต่อไปแม้ปัจจัยต่าง ๆ จะยังไม่แน่นอน กราฟราคาเคลื่อนไหวตามชาแนลขาลง (กรอบสีแดง) จนทำจุดต่ำสุดไว้ราวเดือนมีนาคม 2020 และเริ่มสะสมกำลังเพื่อเหวี่ยงตัวขึ้นสู่กรอบบน แต่เนื่องจากการปรับตัวขึ้นจะมีแนวต้านอยู่สองแนว คือ แนวเส้นกดสีแดง และแนวเส้นกดสีเขียว ทำให้นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามการเคลื่อนไหวของราคาว่าจะเป็นการ Break out กรอบชาแนลขึ้นไป หรือตกกลับลงมาสะสมกำลังใหม่ ซึ่งหากราคาทะลุผ่าน 1.145 ที่เป็นทั้งเส้นกด (เส้นสีเขียวกรอบบน) และเป็นแนวต้านที่เป็นจุดสูงสุดของปีที่เคยทำไว้ การที่ EUR/USD จะเปลี่ยนกลับไปเป็นขาขึ้นก็มีสิทธิลุ้น


EUR/USD เป็นคู่เงินที่มีสภาพคล่องและความผันผวนสูง ซึ่งเป็นปัจจัยที่เหมาะมากกับการแสวงหากำไรท่ามกลางความผันผวนสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง นักลงทุนสามารถทำกำไรสินทรัพย์ตัวนี้ได้โดยตรงผ่านเครื่องมือ CFD – Contract for Difference ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนทำกำไรได้จากส่วนต่างของราคาและเป็นเครื่องมือไม่กี่ตัวที่ให้โอกาสนักลงทุนทำกำไรในตลาดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง นักลงทุนสามารถใช้เงินต้นน้อยเพื่อคาดหวังกำไรมากโดยอาศัยอัตราทดหรือ Leverage ช่วยขยายโอกาสในการทำกำไร แต่ก็จะขยายโอกาสการขาดทุนได้ด้วย 


การซื้อขาย CFD นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ เช่นโบรกเกอร์ MiTrade นะครับ


 ทำไมต้องเทรดกับ MiTrade 

MiTrade เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่มีความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจาก MiTrade ได้รับการกำกับดูแลจากหลายหน่วยงานที่มีอำนาจ รวมถึง หน่วยงานด้านการเงินของเกาะเคย์แมน (CIMA) ด้วยใบอนุญาต SIB เลขที่ 1612446 และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) ด้วยใบอนุญาต AFSL เลขที่ 398528 ทำให้การทำธุรกรรมและการดำเนินงานต้องเป็นไปตามข้อบังคับของ CIMA และ ASIC


1625648896294

เงินทุนของลูกค้าจะถูกเก็บไว้ในบัญชีทรัสต์แยกต่างหากจากบัญชีบริษัท หากในกรณีที่ MiTrade ล้มละลาย เงินทุนลูกค้าก็ยังคงถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัยและถูกส่งกลับคืนได้ ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของเงินทุน

ฟรีเครื่องมือการเทรดต่างๆ เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวม, การคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญปฏิทินทางเศรษฐกิจ เป็นต้น

ฟรีเครื่องมือจัดการความเสี่ยงต่าง ๆและระบบป้องกันยอดคงเหลือติดลบ

เจ้าหน้าที่คนไทยคอยให้บริการ 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ

เทรดด้วยเลเวอเรจสูง 

เงินฝากขั้นต่ำ $50 ดอลล่าร์

ขนาดซื้อขายขั้นต่ำ 0.01 ล็อต

ค่าคอมมิชชั่น 0 และสเปรดต่ำถึง 1 pip

16256490383704สำหรับนักลงมือใหม่ๆ หรือยังไม่มีความมั่นใจในการเทรด สามารถเปิดบัญชีเทรดทดลองเพื่อฝึกฝนการเทรดแบบไร้ความเสี่ยงด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ดอลล่าร์


16256273708973

ส่งท้าย

แนวโน้มค่าเงินยูโร 2020 เป็นอีกสินทรัพย์หนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทุกประเภทแม้จะไม่ได้ลงทุนในสินทรัพย์ตัวนี้โดยตรงก็ตาม เพราะการเคลื่อนไหวของ EUR/USD สะท้อนได้ทั้งภาพเศรษฐกิจของทั้งประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐและกลุ่มประเทศที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจการเมืองโลกอย่างสหภาพยุโรป ซึ่งทำให้เห็นการเคลื่อนย้ายเงินทุนไปยังสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงเป็นภาพสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อประเทศทั้งสองอีกด้วย

 

แนวโน้มค่าเงินยูโร 2020 ยังน่าติดตามอย่างใกล้ชิด จากความผันผวนของตลาดท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดและวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังก่อตัว ผู้เขียนหวังว่าการวิเคราะห์แนวโน้มค่าเงินยูโร 2020 จะเป็นไกด์ให้กับนักลงทุนจัดการพอร์ตของตัวเองผ่านพ้นความผันผวนนี้ได้อย่างไม่บอบช้ำนัก


▼ เทรด Forex กับโบรกเกอร์ชั้นนำด้วยค่าคอมมิชชั่น 0 สเปรดต่ำ ▼

*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

Mitrade
มุมมองการลงทุนเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลทางด้านการเงินภายใต้ Mitrade ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักลงทุนได้รับความรู้พื้นฐานทางการเงินที่สมบูรณ์ สภาวะตลาดแบบเรียลไทม์ ข่าวที่เกี่ยวข้องในเวลาที่เหมาะสม และการวิเคราะห์ตลาดในเชิงลึก
Mitrade Logo
มุมมองการลงทุน
อำนวยเนื้อหาคอลัมน์ที่มีคุณภาพสูงแก่นักลงทุนทั่วโลก

คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง

ขยาย