บิทคอยน์เล่นยังไง? สอนการเล่นบิทคอยน์สำหรับมือใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นจนเทรดเป็น

ถ้าจะพูดถึงสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในช่วงสิบปีที่ผ่านมาก็คงไม่มีตัวไหนเกินหน้าบิทคอยน์ไปได้ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยสำหรับนักลงทุนที่ต้องการแสวงหาการเติบโตของเงินทุนจะต้องเข้ามามีส่วนในตลาดนี้บ้างไม่มากก็น้อย และสำหรับใครที่ยังมองหาว่า บิทคอยน์เล่นยังไง ด้านล่างนี้เราเตรียมคำตอบเอาไว้ให้แล้ว

ที่แพลตฟอร์มการเทรด MiTrade คุณสามารถเทรดบิทคอยน์ด้วยสัญญาซื้อขายส่วนต่าง หรือ Contract for Difference (CFD) ได้ โดยการเทรดแบบ CFD คุณสามารถเทรด Bitcoin และสร้างกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin แต่ไม่ต้องการถือครองบิทคอยน์จริง จึงได้ตัดความเสี่ยงจากการจัดเก็บเหรียญในกระเป๋าเงิน

 1 เปิดบัญชี  

การเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ MiTrade ทำได้เร็วและง่ายมาก นักลงทุนสามารถสมัครบัญชีด้วยอีเมล์ เบอร์โทรศัพท์ หรือเชื่อมโยมกับบัญชี FB/Google/Apple ที่มีอยู่ก็สะดวกดี หลังจากการกรอกข้อมูล ทำแบบประเมินความเหมาะสมและยืนยันตัวตัวเรียบร้อยแล้วบัญชีก็สามารถใช้งานได้แล้ว ทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่กี่นาทีเอง 

สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่หรือเทรดเดอร์ที่ยังไม่พร้อมเทรดจริงกับ MiTrade สามารถเปิดบัญชีเทรดทดลองไว้ก่อนเพื่อทำการคุ้นเคยกับ MiTrade หรือฝึกฝนทักษะการเทรดอย่างไม่มีความเสี่ยงใดๆ ด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ดอลล่าร์ ในบัญชี

 2 ฝากเงินเข้าบัญชี  

นักลงทุนสามารถทำการฝากถอนเงินผ่านช่องทางหลากหลาย รวมถึงคิวอาร์โค้ตด้วย Mobile Banking และ Truemoney, Visa/Mastercard, Skrill และ Internet-Bank Thai ได้ โดย MiTrade รองรับหลายธนาคารไทย อาทิ ธนาคารกรุงเทพ, กสิกร,  กรุงไทย, TMB, ไทยพาณิชย์และกรุงศรี ถือว่าได้อำนวยความสะดวกมากๆ สำหรับคนไทยอย่างมาก

 3 เปิดคำสั่งซื้อขาย 

กรอกชื่อ 'bitcoin' หรือสัญยักษณ์ของ bitcoin 'BTC' ที่ช่องค้นหาแล้วเข้าไปที่หน้าซื้อขาย คุณสามารถเปิดคำสั่งซื้อหรือคำสั่งขายตามความคาดการณ์ต่อราคาบิทคอยน์ โดยหากคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นก็เปิดคำสั่งซื้อ ในตรงกันข้าม หากคาดการณ์ว่าราคาจะลดลงก็เปิดคำสั่งขาย และคุณยังสามารถตั้งคำสั่งซื้อ/ขายจำกัด(Buy limit/Sell limit) ได้

ที่ MiTrade นักลงทุนสามารถปรับค่าอัตราทด(เลเวอเรจ) ตามความต้องการได้ เลเวอเรจในการเทรด Bitcoin มี 1/2/5/10 เท่า โดยเลเวอเรจยิ่งสูง มาร์จิ้น(เงินทุนตั้งต้น)จะยิ่งต่ำ 

ตัวอย่างเช่น ราคาบิทคอยน์ปัจจุบันคือ 22, 000 ดอลล่าร์ ด้วยการใช้อัตราทด(เลเวอเรจ) 10 เท่า ท่านเพียงวางหลักประกัน(มาร์จิ้น) $22 ดอลล่าร์(ประมาณ 770 บาท)ไว้ก็สามารถทำการซื้อขายบิทคอยน์ขนาด 0.01 ล็อตที่มีมูลค่า $220 ดอลล่าร์ได้(ดังภาพ) จึงทำให้มีโอกาสขยายผลกำไรเป็น 10 เท่าได้ แต่อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจยิ่งสูงก็หมายความว่าความเสี่ยงจะยิ่งสูงเพราะผลขาดทุนก็จะขยายเป็นเท่าเช่นกัน

ดังนั้น การเทรด้วยเลเวอเรจสูงจะเหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินทุนไม่มากและมีความสามารถในการรับความเสี่ยงที่สูงมากกว่า หากคุณยังเป็นมือใหม่หรือไม่อยากเสี่ยงสูง เราเสนอให้เริ่มต้นด้วยเลเวอเรจ 1 เท่า ซึ่งหมายถึงการเทรดด้วยเงินเติมจำนวน 

MiTrade ยังเสนอเครื่องมือจัดการความเสี่ยงฟรีให้กับนักลงทุนเพื่อช่วยท่านสามารถควบคุมความเสี่ยงในการเทรดได้มากขึ้น  รวมถึง Stop Loss และ Trailling Stop Loss หรือหากต้องการล็อคผลกำไรไว้ก็สามารถตั้งจุด Take Profit ได้

 4 เฝ้ารอและปิดสถานะรับกำไร/ขาดทุน 

เมื่อเปิดคำสั่งแล้ว เราก็ต้องติดตามความเครื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ เมื่อราคาไปถึงระพับที่พอไจ เราก็ปิดคำสั่งรับกำไร/ขาดทุนได้เลย

การเทรด Bitcoin แบบ CFD จะเหมาะกับนักลงทุนที่มุ่งหวังที่จะทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ในระยะสั้น ระยะกลางหรือระยะยาวก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นนักเก็งกำไรในระยะสั้น

MiTrade เป็นโบรกเกอร์ CFD ที่มีความน่าเชื่อถือสูง โดยได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของออสเตรเลีย ASIC(ใบอนุญาต AFSL เลขที่ 398528), เกาะเคย์แมน CIMA (ใบอนุญาต SIB เลขที่ 1612446) และมอริเชียส FSC (เลขที่ใบอนุญาต GB20025791) >>>ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MiTrade

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ MiTrade เสนอบัญชีเทรดทดลองด้วยเงินเสมือนจริง $50,000 ดอลล่าร์ฟรีเพื่อให้นักลงทุนสามารถทำการฝึกฝนทักษะและเก็บประสบการณ์ในการเทรดก่อนลงสนามจริง

เนื่องจาก Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมาก การซื้อหุ้นบริษัทที่ได้ลงทุนใน Bitcoin และ Blockchain Technology ก็เป็นวิธีที่น่าสนใจด้วย 

ปัจจุบันมีบริษัทจำนวนมากที่เข้าไปลงทุนใน bitcoin เช่น บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เรารู้จักกันดีอย่าง Tesla ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มรถยนต์ไฟฟ้า เป็นที่ชัดเจนว่าเชื่อมั่นในศักยภาพของ Bitcoin เนื่องจาก Tesla มีการถือครอง Bitcoin ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ อีกอย่างหนึ่งคือ ซีอีโอของ Tesla Elon Musk คนมั่งคั่งที่สุดในโลก ก็เป็นผู้สนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลอย่างแข็งแกร่ง เขาได้ถือครอง Bitcoin, Ether (ETH) และ Dogecoin ในส่วนตัวด้วย

บริษัทมหาชนอีกแห่งที่เชื่อมั่นในศักยภาพของ Bitcoin คือ PayPal Holding (PYPL) ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินออนไลน์ระดับโลก PayPal ให้บริการรับชำระด้วย Bitcoin และผู้ใช้ยังสามารถซื้อและขายสกุลเงินดิจิทัลบน PayPal ได้ด้วย

เช่นเดียวกับบริษัท Square's (NYSE:SQ) มีธุรกิจมากมายที่มุ่งสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจให้กับผู้ใช้ ซึ่งรวมถึง Spiral ซึ่งเป็นกลุ่มที่เน้นโครงการโอเพ่นซอร์ส Bitcoin; Tidal แพลตฟอร์มดนตรีและความบันเทิงระดับโลก และ TBD ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยน crypto แบบ peer-to-peer แบบกระจายอำนาจ Jack Dorsey CEO ของ Square มองว่า crypto เป็นสกุลเงินของอินเทอร์เน็ต การลงทุนใน Square ช่วยให้นักลงทุนสามารถนำเงินดอลลาร์ไปลงทุนในบริษัทที่ผู้บริหารให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างระบบนิเวศของ crypto

นอกเหนือจากบริษัทที่กล่าวไปแล้ว ยังมีบริษัทหลายๆ แห่งที่ได้เป็นส่วนร่วมในการสนับสนุน Bitcoin และ Blockchain เช่น

●  Meta Platform (META) [ชื่อเดิม Facebook]

●  Mastercard (MA) 

●  Visa (V)

●  Marathon Digital Holdings (MARA)

●  MicroStrategy (MSTR)

●  Coinbase Global(COIN)

●  NVIDIA (NVDA) 

●  AMD (AMD)

●  Intel (INTC) 

●  Shopify(SHOP)

●  CME Group (CME)

●  RIOT Blockchain (RIOT)

โดยนักลงทุนสามารถทำการลงทุนในหุ้นเหล่านี้ด้วย CFD กับ Mitrade เช่นกัน เปิดบัญชีซื้อหุ้นกับ Mitrade เดี๋ยวนี้>>>

การทำกำไรจากบิทคอยน์วิธีหนึ่งที่อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกของใครหลาย ๆ คน ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นการรันอุปกรณ์ขุดไปเรื่อย ๆ ขณะที่นักลงทุนเพียงแค่รอบิทคอยน์เป็นผลตอบแทนแบบง่าย ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วการขุดบิทคอยน์ไม่ได้เรียบง่ายและทำกำไรได้อย่างที่เห็นเผิน ๆ อย่างนั้น เนื่องจากยังมีค่าใช้จ่ายแฝง และโครงสร้างกติกาการขุดเหรียญที่ทำให้การขุดเหรียญเป็นไปได้ยากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

การขุดบิทคอยน์จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์คุณภาพสูงเพื่อแก้สมการทางคณิตศาสตร์ที่ใช้สำหรับยืนยันการทำธุรกรรมในเครือข่าย เมื่อนักขุดแก้สมการที่ยืนยันการทำธุรกรรมบนบล็อกได้เป็นคนแรก ก็จะได้รางวัลสำหรับการขุดรอบนั้นไป

เมื่อเทียบกับการขุดบิทคอยน์ในยุคเริ่มแรกที่การแข่งขันยังไม่สูงมาก และรางวัลสำหรับการขุดบล็อกยังมีมูลค่าสูง ทำให้คนเริ่มเข้าสู่ตลาดนี้มากขึ้น แต่สำหรับปัจจุบันที่รางวัลสำหรับการขุดลดลงครึ่งหนึ่งในทุก 4 ปี รวมกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และต้นทุนการขุดที่สูงขึ้น ทำให้การขุดบิทคอยน์อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ทำกำไรได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อน

และสิ่งเหล่านี้คือต้นทุนที่นักลงทุนที่ตั้งใจจะลงสนามขุดบิทคอยน์ควรคำนึงถึง

อุปกรณ์การขุดบิทคอยน์ เพื่อให้ความสามารถในการขุดทัดเทียมกับคู่แข่งคนอื่น ๆ นักขุดจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สำหรับการขุดโดยเฉพาะที่เรียกว่า Application-specific integrated circuit (ASIC) miners ซึ่งมีความสามารถในการประมวลผลสูงแต่กินไฟน้อยกว่า แต่ก็มีราคาสูงถึงหลักหมื่นดอลลาร์และมักใช้สำหรับการขุดได้ราวสองสามปี เมื่อเครื่องเก่าแล้วความสามารถในการขุดก็จะลดลง นับเป็นต้นทุนจมสำหรับการขุดที่หากขุดได้เหรียญได้น้อยก็จะต้องเสียเงินส่วนนี้ไปฟรี ๆ

ค่าไฟ เนื่องจากการขุดบิทคอยน์ต้องการพลังการประมวลผลสูง ซึ่งจำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูงตามไปด้วย หากนักขุดสามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานไฟฟ้าราคาถูกได้ ก็จะช่วยลดต้นทุนในการขุดเหรียญได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วประเทศทั่วไปมักไม่ได้มีเรทค่าไฟฟ้าที่ถูกนัก

ค่าสมาชิกกลุ่มขุดบิทคอยน์ นอกจากค่าอุปกรณ์และค่าไฟฟ้าแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายแฝงสำหรับการขุดบิทคอยน์ นั่นคือค่าธรรมเนียมการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มขุดบิทคอยน์ เนื่องจากปัจจุบันการขุดเหรียญด้วยตัวคนเดียวนั้นเป็นไปได้ยากมากที่จะแข่งขันกับกลุ่มขุดอื่น ๆ ที่มีพลังการประมวลผลสูงกว่า การเข้าร่วมกลุ่มแบบนี้จึงช่วยเพิ่มโอกาสชนะการขุดได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ดีวิธีนี้ก็มีค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียให้กับเจ้าของแพลตฟอร์มผู้ให้บริการ ซึ่งคิดประมาณ 2.5% ของผลกำไรที่ขุดได้

ด้วยภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น ผลตอบแทนที่ลดน้อยถอยลง และต้นทุนการขุดที่เป็นจำนวนไม่น้อย ทำให้การขุดบิทคอยน์สำหรับมือสมัครเล่นอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการทำกำไรได้อย่างคุ้มค่านัก

อย่างไรก็ตาม หากคุณยังมีความสนใจในการการขุดบิทคอยน์ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมของเรา >>วิธีขุด Bitcoin - ขุด Bitcoin คุ้มไหมในปี 2023？

1. ซื้อและ 'Hodl' Bitcoin

 'Hodl' (การสะกดผิดโดยเจตนา)  ย่อมาจาก "hold on for dear life" เป็นปรัชญาการลงทุนระหว่างหมู่ผู้ที่ชื่นชอบคริปโต  'hodl' แนะนำให้ถือ Bitcoin ไว้ตลอดไปด้วยความเชื่อมั่นว่า สกุลเงินดิจิทัลจะเข้ามาแทนที่สกุลเงิน fiat ที่รัฐบาลออกให้เป็นพื้นฐานของโครงสร้างทางเศรษฐกิจทั้งหมดในที่สุด ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้จะเชื่อมั่นในศักยภาพของสินทรัพย์และไม่สนกับความผันผวนของสินทรัพย์

2. ถือ Bitcoin ระยะยาว

นักลงทุนที่ต้องการถือ Bitcoin ในระยะยาวเชื่อว่า Bitcoin จะแข็งค่าขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับกลยุทธ์ 'hodl' ผู้ถือครองระยะยาวอาจมีแนวโน้มที่จะขายเหรียญออกไปในกรณีที่มีผลตอบแทนที่ดี นักลงทุนเหล่านี้เชื่อว่า Bitcoin อาจจะทำหน้าที่เหมือนทองคำและจะมีการเพิ่มมูลค่า แต่ไม่ได้ต่อต้านการขายเพื่อผลกำไรเมื่อถึงเวลา

3. เทรด Bitcoin บนความผันผวนของราคาในระยะสั้น

หนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการลงทุนใน Bitcoin นั้นก็คือ เทรดบนความผันผวนของราคา ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้จะทำการซื้อขาย Bitcoin บนการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ในระยะเวลาสั้นรายเดือน รายสัปดาห์ วันหรือนาที นี่เป็นกลยุทธ์ที่ยากที่สุดที่กล่าวถึงและทำให้นักลงทุนมีความเสี่ยงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม มันอาจทำกำไรได้เร็วกว่าวิธีอื่นๆ ตามที่ยกตัวอย่างไปก่อนนี้

หากคุณตัดสินใจว่าต้องการลองลงทุน Bitcoin อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

 ●  ทำความเข้าใจกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ Bitcoin เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง คุณควรตรวจสอบความเสี่ยงของคุณอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน หากคุณรู้สึกไม่สบายใจที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงหรือมีเงินเพียงเล็กน้อยในการลงทุน คุณอาจต้องการพิจารณาตัวเลือกการลงทุนอื่นๆ

 ●  กระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวเอง เพื่อไม่ให้ขาดทุนจากการลงทุน คือการกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ การลงทุนหลักของคุณควรมีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือกองทุนดัชนี ถัดมา คุณควรเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลาง เช่น หุ้นที่มีพื้นฐานดีหรืออสังหาริมทรัพย์ สำหรับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่าง Bitcoin ควรเป็นการลงทุนที่เล็กที่สุดและจัดลำดับความสำคัญน้อยที่สุด

จากที่กล่าวมาทั้งหมดก็คือเกร็ดความรู้เล็กน้อยๆ สำหรับคนที่สงสัยว่าบิทคอยน์เล่นยังไง จะเลือกตั้งเป้าหมายการซื้อขายบิทคอยน์แบบไหน รวมถึงจะมีตัวเลือกในการลงทุนบิทคอยน์อย่างไรบ้างตามที่เรานำมาเล่าสู่กันฟังในคราวนี้ให้เพื่อน ๆ เล่นบิทคอยน์เป็นตั้งแต่เริ่มต้นจนลงสนามเทรดด้วยตัวเองเลย