บิทคอยน์ (Bitcoin) เกิดขึ้นเป็นเวลาเกือบ 9 ปีที่ผ่านมา และในตอนนี้บิทคอยน์ก็ยังคงความแข็งแกร่งอยู่เช่นเคย ในเวลานี้บิทคอยน์ไม่เพียงแต่เป็นสกุลเงินดิจิตอลครั้งแรกของโลกแต่ยังเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่แพงที่สุด, มีเสถียรภาพที่สุดและที่เป็นที่นิยมมากที่สุดอีกด้วย
ที่ถูกกล่าวไว้ว่า บิทคอยน์นั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ หนึ่งในปัญหาเร่งด่วนที่สุดสำหรับสกุลเงินดิจิตอลคือความสามารถในการขยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสกุลเงินมีขนาดเท่ากับการทำธุรกรรมของบล็อกซึ่งเมื่อมีการสร้างบิทคอยน์จะมีการจำกัดที่หนึ่งเมกะไบต์ การลิมิตดังกล่าวนี้เป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าอย่างมากในเรื่องของเวลาการดำเนินการการทำธุรกรรมและการจำกัดจำนวนธุรกรรมที่เครือข่ายสามารถดำเนินการได้
Bitcoin Cash ถือเป็นหนังคนละม้วนกับบิทคอยน์ Bitcoin Cash มีความแตกต่างจากอีกเวอร์ชั่นได้แก่การเปิดใช้งานขนาดบล็อกเพิ่มจาก 1 MB ไปยัง 8 MB โดยเป้าหมายโดยรวมของBitcoin Cash จะเพิ่มจำนวนธุรกรรมที่สามารถประมวลผลได้โดยเครือข่าย เป็นการหวังว่า Bitcoin Cash จะสามารถแข่งขันกับปริมาณธุรกรรมที่เป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่าง PayPal และ Visa ที่สามารถดำเนินการได้ในปัจจุบัน
Bitcoin Cash เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2017 และได้กลายเป็นหน่อที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของบิทคอยน์
การจำกัดขนาด 1 MB ของทุกบล็อกถูกนำมาใช้ครั้งแรกเพื่อลดโอกาสในการเกิดความเป็นไปได้ของสแปมและการ โจมตี DDoS ในขณะที่ไม่ได้มีการทำธุรกรรมเกิดขึ้นในเครือข่ายมากนัก การจำกัดนี้ก็ไม่ได้มีการส่งผลกระทบใดๆทั้งสิ้น
อย่างที่บิทคอยน์นั้นนับวันยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น การจำกัดนี้เริ่มก่อให้เกิดการบล็อกที่ซ้อนกันซึ่งเป็นการขยายเวลาการเปลี่ยนแปลงโดยที่ไม่มีความจำเป็น สถานการณ์นี้เกินกว่าจะควบคุมได้ประมาณเดือนพฤษภาคม 2017 เมื่อมีผู้ใช้รายงานว่าต้องรอการยืนยันนานมากกว่า4วัน
ผู้ใช้มีโอกาสจ่ายค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูงขึ้นเพื่อเป็นรับการยืนยันที่รวดเร็วขึ้น แต่โดยพื้นฐานแล้ววิธีการนี้ทำให้วิธีการชำระเงินของบิทคอยน์ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการทำธุรกรรมขนาดเล็ก ตัวอย่างเช่น การชำระเงินค่าแซนวิชหรือกาแฟสักถ้วยด้วยบิทคอยน์ที่ไม่สามารถใช้การได้ เพียงเพราะแค่กาแฟ 3 ดอลลาร์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมมากกว่าถึง 15 ดอลลาร์ มิเช่นนั้นผู้ขายอาจได้รับเพียงการจ่ายที่ไม่สามารถมองเห็นได้
ชุมชนบิทคอยน์ได้คิดหาแนวทางแก้ไขสำหรับสถานการณ์สองวิธีที่เป็นไปได้: Bitcoin Unlimited และ Segregated Witness (SegWit)
▲ Bitcoin Unlimited
Bitcoin Unlimited จะลบขีดจำกัดขนาดของบล็อก นักขุดหลายท่านชื่นชอบแนวทางการแก้ปัญหานี้ เพราะการขาดการป้องกันขีดจำกัดขนาดของบล็อกนั้นจะไม่เพียงแต่ป้องกันจากการทับซ้อนกัน แต่ยังเพิ่มค่าธรรมเนียมโดยรวมของนักขุดทุกคนสำหรับทุกบล็อก
อย่างไรก็ตาม นักพัฒนาจำนวนมากก็ได้โต้แย้งกับข้อเสนอนี้ โดยการคิดว่าการนำไปปฏิบัตินี้จะนำไปสู่การที่นักขุดขนาดเล็กจะออกไปจากธุรกิจซึ่งในทางกลับกัน อาจนำไปสู่การรวมศูนย์ของเครือข่ายทั้งหมดโดยบริษัทการขุดขนาดใหญ่
▲ Segregated Witness
แนวทางการแก้ไขของ Segregated Witness โดยนัยคือการจัดเก็บข้อมูลในไฟล์แยกบางส่วนภายนอกของบล็อกเชน นักพัฒนาอ้างว่าวิธีนี้จะเป็นการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บจำนวนมาก บล็อกจะพอดีกับการทำธุรกรรมมาขึ้น และเวลาการยืนยันจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็มีหลายคนเชื่อว่าวิธีการนี้เป็นเพียงวิธีการชั่วคราวที่ซับซ้อนมากขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีของการเข้าถึง Bitcoin Unlimited
ผลที่ตามมาโปรโตคอลที่มีการประนีประนอมนี้ถูกเรียกว่า SegWit2x ได้ถูกพัฒนาขึ้น การเปิดตัวโปรโตคอลนี้หมายถึงการจัดเก็บข้อมูลบางส่วนด้านนอกของบล็อกเชนและการเพิ่มขึ้นการจำกัดขนาดของบล็อกที่ 2 MB โปรโตคอลนี้ถูกนำมาใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2017 หลังจากการโหวตของนักขุด 95 เปอร์เซ็นต์ที่โหวตในข้อเสนอนี้ อย่างไรก็ตาม เครือข่ายจะไม่เห็นการเพิ่มขึ้นในขนาดบล็อกที่จำกัดในทันที สำหรับใครหลายคนวิธีนี้หมายถึงการเลื่อนปัญหาแทนที่จะเป็นการแก้ไขปัญหา
ยิ่งไปกว่านั้น การตัดสินใจครั้งนี้ดูเหมือนจะตอบสนองต่อคนที่ปฏิบัติต่อบิทคอยน์ในแง่ของโอกาสการลงทุนและไม่ใช้ระบบการชำระเงินอย่างที่ถูกสร้างในแบบที่ควรเป็น ดังนั้น ในระหว่างการประชุมบิทคอยน์ฟิวเจอร์ส ณ เมืองอาร์เนม ในประเทศเนเธอร์แลนด์ การดำเนินการครั้งแรกของ โปรโตคอล Bitcoin Cash ได้รับการเรียกว่า Bitcoin ABC ได้รับการประกาศโดย Amaury Séchet อดีตวิศวกรที่ Facebook
Séchet และทีมนักพัฒนาของเขาตัดสินใจที่จะละทิ้งโปรโตคอล SegWit2x และเพิ่มขีด จำกัดขนาดบล็อกเป็น 8 MB การเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงนี้จำเป็นต้องมีการสร้างที่แยกจากเครือข่ายบิมคอยน์ดั้งเดิม โดยประกาศว่า Hard fork จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคม 2017
สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบ Hard fork เป็นเพียงวิธีการที่รู้จักสำหรับนักพัฒนาเพื่ออัปเดตซอฟต์แวร์ของบิทคอยน์ นักพัฒนาแยกเครือข่ายและสร้างบล็อกเชนใหม่ด้วยกฎที่เปลี่ยนแปลง เวอร์ชั่น fork รุ่นเดิมและรุ่นใหม่ของสกุลเงินดิจิตอลมีบล็อกเชนที่เหมือนกันตลอดจนถึงบล็อกเมื่อการแยกนี้เกิดขึ้น จากนั้นเป็นต้นไปเครือข่ายทั้งสองนี้ก็ตั้งอยู่อย่างอิสระ
หลังจากการแยกที่เกิดขึ้น ทุกคนที่ถือบิทคอยน์มาก่อน Hard fork ได้รับโทเค็นของ Bitcoin Cash ในจำนวนที่เท่ากัน
สกุลเงินดิจิตอลใหม่นี้นักลงทุนได้นำไปใช้กันอย่างรวดเร็ว อย่างช่วงท้ายของวันแรกของการมีอยู่ Bitcoin Cash ได้กลายเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ 3 รองจากบิทคอยน์และอีเธอร์เลียมในแง่ของมูลค่าตลาด
ในคำของสกุลเงินดิจิตอล Hard fork เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ค่อนข้างทำให้หนักใจเสมอ หลายคนเชื่อว่า Hard fork ขัดกับหลักการของบล็อกเชนในหลักการที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้(immutability) และยังแย้งกับกฏของ “รหัสคือกฎหมาย” (code is law) อีกด้วย
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะ Hard fork นักวิจารณ์มากมายมีความกังวลว่าพลังงานของคอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้ในการประมวลผลบล็อคขนาดใหญ่จะมีราคาที่สูงเกินไปสำหรับนักขุดขนาดเล็ก โดยอาจนำไปสู่อำนาจการตัดสินใจที่เข้มข้นที่อยู่ในมือขององค์กรขนาดใหญ่ซึ่งสามารถรับภารการจ่ายอุปกรณ์ได้มากขึ้นและดีขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว อย่างที่ใครหลายคนถือบิทคอยน์มาก่อนการแยกนี้จะได้รับโทเค็น Bitcoin Cash ในจำนวนที่เท่ากัน แต่มีบางคนก็ยังมีความกังวลว่าการแยกกันนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพียงแต่เป็นการวางแผนการทำเงินเท่านั้น ในความจริง Hard fork สร้างสถานการณ์ที่คล้ายกับปัญหาการใช้จ่ายซ้ำซ้อน เนื่องจากการที่ Hard fork เป็นการทำธุรกรรม 2 รายการจากวอลเล็ทเดียวโดยใช้กุญแจชุดเดียวกันที่เป็นไปได้
ราคา BCH เรียลไทม์ (ที่มา: Mitrade )
Bitcoin Cash เป็น cryptocurrency ที่เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นราคาของ Bitcoin Cash จึงไม่ขึ้นอยู่กับบิทคอยน์แบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทราบว่าบิทคอยน์ยังคงเป็นสกุลเงินที่ยังคงโดดเด่นของโลกอยู่เช่นเดิม ดังนั้นไม่ว่าบิทคอยน์จะขึ้นหรือลง สกุลเงินดิจิตอลหลักอื่นๆมีแนวโน้มที่จะตามเทรนด์ของตัวเอง
▼ เทรด BCH กับโบรกเกอร์ชั้นนำด้วยค่าคอมมิชชั่น 0 สเปรดต่ำ ▼
���
ทำไมถึงเทรดกับ MiTrade
★ MiTrade เป็นโบรกเกอร์สัญชาติออสเตรเลียที่ให้บริการ CFD ผ่านระบบออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ก่อนหน้านี้ MiTrade กวาดมาแล้วทั้ง 'รางวัลแพลตฟอร์มเทรดบนมือถือที่ดีที่สุด' จาก Forex Awards ในปี 2019, 'รางวัลโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เติบโตเร็วสุดในออสเตรเลีย' จากนิตยสาร International Business ในปี 2019/2020 , 'รางวัลแอพพลิเคชั่นเทรดฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุดในออสเตรเลีย' จากนิตยสาร International Business ในปี 2020 และ 'รางวัลโบรกเกอร์ที่มีนวัตกรรมยอดเยี่ยม' จากเว็บไซต์ FxDailyInfo ในปี 2020
★ มีระบบป้องกันยอดคงเหลือติดลบและเครื่องมือจัดการความเสี่ยงต่างๆ ให้ใช้ฟรี
★ มีฝ่ายบริการลูกค้าที่เป็นเจ้าหน้าที่คนไทยให้บริการ 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ
★ ค่าคอมมิชชั่น 0 และสเปรดต่ำ
โปรโมชั่น ตอนนี้ Mitrade ยังได้จัดโปรแกรมแนะนำเพื่อน เมื่อคุณได้แนะนำเพื่อนแล้วคุณกับเพื่อนทั้งคู่จะได้โบนัสสูงสุดถึง $500 USD และสามารถถอนออกได้ * (*ตามข้อกำหนดและเงื่อนไข)
*** ลงทุนมีความเสี่ยง CFD อาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ ไม่สามารถใช้เป็นคำแนะนำการลงทุนได้ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้นและผู้อ่านไม่ควรใช้บทความนี้เป็นพื้นฐานการลงทุนใด ๆ Mitrade ไม่รับผิดชอบต่อผลลัพธ์ใด ๆ ตามบทความนี้และไม่รับประกันความถูกต้องของเนื้อหาของบทความนี้
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง