หากพูดถึงการลงทุนในทองคำ หลายคนอาจนึกถึงการซื้อทองรูปพรรณ ที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีต เพราะเชื่อกันว่าทองเป็นสิ่งมงคลและสามารถเก็งกำไรได้เมื่อเวลาผ่านไป แต่แท้จริงแล้วหากพิจารณาดีๆ จะพบว่าทองรูปพรรณไม่เหมาะกับการลงทุนเนื่องจากค่ากำเหน็จที่คิดเพิ่มเติมจากราคาทอง โดยจะทำให้บางครั้งที่คุณต้องขายทำกำไรแต่กลับได้เท่าทุนหรือได้ลดน้อยลงไป
ซึ่งในบทความนี้ผมจะเปิดมุมมองด้านการลงทุนว่า เล่นทองอย่างไรให้รวย? โดยจะแสดงรายละเอียดในแต่ละวิธีเพื่อช่วยให้การตัดสินใจลงทุนของคุณแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หรือเครื่องมือการลงทุนที่นิยมใช้กันมากมาย โดยทั่วไปก็จะมีทองคำแท่ง, กองทุนทองคำ, สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) และสัญญาซื้อขายส่วนต่างทองคำ (Gold CFD) ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากวิวัฒนาการของพฤติกรรมนักลงทุนที่พยายามหาช่องทางในการทำกำไรที่ลดข้อจำกัดและส่งเสริมแผนการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้การเลือกเครื่องมือการลงทุนนั้นจะขึ้นอยู่กับ 6 ปัจจัยสำคัญอันได้แก่ เป้าหมายการลงทุน, อัตราผลตอบแทน, เงินทุน, เวลาที่ใช้ในการติดตามข่ายและศึกษาข้อมูล, และความเสี่ยงที่รับได้ของตน
พฤติกรรมการซื้อทองคำแท่งของคนไทยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นเพื่อการลงทุนมากกว่าเพื่อประดับตกแต่ง ทั้งยังพบว่ามีบางส่วนซื้อเอาไว้เพื่อแจกจ่ายหรือมอบเป็นของขวัญ เพราะคนไทยเชื่อว่าทองคำแท่งคือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าระยะยาว จึงไม่แปลกที่นักลงทุนมักจะใช้เงินส่วนหนึ่งไปกับการซื้อทองคำแท่ง ซึ่งการทำกำไรในเครื่องมือการลงทุนแบบนี้คือซื้อในราคาที่ถูกและรอขายในราคาที่สูงขึ้น
ข้อดี
● ได้ถือครองทองคำจริง ป้องกันเงินเฟ้อ
เมื่อตลาดเริ่มมีแนวโน้มเข้าสู่สภาวะเงินเฟ้อ ราคาทองคำมักจะมีราคาที่สูงขึ้น นั่นหมายความว่าเงินจำนวนเท่าเดิมจะมีมูลค่าลดลง แต่ไม่ใช่สำหรับทองคำ นักลงทุนจึงพยายามถือครองทองคำเอาไว้เพื่อรักษาอำนาจการซื้อเอาไว้
ข้อเสีย
● การจัดเก็บมีความเสี่ยงและมีค่าใช้จ่าย
ทองคำแท่งที่ซื้อมาต้องจัดเก็บไว้กับตัวเอง แม้จะไม่ได้ใส่เป็นเครื่องประดับแต่ก็อาจพบความเสี่ยงรอบตัว โดยเฉพาะการโจรกรรมที่มักได้ยินข่าวอยู่บ่อยๆ ซึ่งหากเก็บไว้ที่ร้านหรือธนาคารก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
● ทำกำไรได้ในเพียงสภาวะทองคำขาขึ้นอย่างเดียว
การทำกำไรจากทองคำแท่งจะมีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้นคือ ซื้อมาแล้วเก็บไว้ อจนกระทั้งราคาเพิ่มสูงขึ้นกว่าตอนที่ซื้อมาแล้วจึงขาย ซึ่งอาจพบเจอความเสี่ยงเมื่อราคาทองต่ำลงหรือต้องใช้เวลานานในการทำกำไร
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
● นักลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนระยะยาว
● อัตราผลตอบแทนปานกลาง
● มีเงินทุนจำนวนมาก
● ไม่ค่อยมีเวลาติดตามข่าว
※ ซื้อทองคำแท่งได้ที่ไหน
● ร้านทอง Aurora
ร้านทองระดับประเทศที่ให้บริการซื้อขายทองคำหลากหลายประเภททั้งรูปพรรณและทองคำแท่ง ซึ่ง Aurora ได้จำหน่ายทองคำแท่งหลากหลายแบบตามน้ำหนักและดีไซน์ โดยถือเป็นว่าร้านทองที่มีการรับซื้อทองคืนหากเป็นแบรนด์ของทางร้าน
● ร้านทองจินฮั้วเฮง
ร้านทองที่เน้นความเข้าใจของลูกค้า โดยศึกษาวัฒนธรรมการซื้อทองของคนไทยที่ผสานเข้ากับเทคนิคเฉพาะในการเลเซอร์ทอง ซึ่งทองคำแท่งก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์หลักของทางร้านที่ได้รับความนิยม
● ร้านทองฮั่วเซ่งเฮง
กว่า 70 ปีที่ให้บริการ จึงไม่แปลกที่นักลงทุนทองคำต่างให้ความนิยมในการซื้อทองคำแท่งที่ร้านนี้ โดยราคาทองจะอ้างอิงตามสมาคมค้าทองของประเทศไทยและราคาทองสากล ส่งผลให้การกำหนดขอบเขตกำไรเป็นไปอย่างแม่นยำขึ้น
สำหรับนักลงทุนท่านไหนที่ไม่อยากซื้อทองคำจริงๆ หรือทองคำแท่ง ผมแนะนำให้ใช้ตัวเลือกกองทุนรวมก็น่าสนใจไม่น้อย โดยกองทุนทองคำคือกองทุนที่ล้อตามราคาทองโลก โดยจะทีหลักทรัพย์ที่เอาไว้อ้างอิง ซึ่งจุดเด่นของกองทุนลักษณะนี้คือจะมีผู้จัดการกองทุน กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะคอยศึกษาสภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อราคาทองทำ โดยที่คุณไม่ต้องค่อยเข้าไปจัดการพอร์ตเอง แต่ก็สามารถติดตามอยู่แบบห่างๆ ได้ ซึ่งหลักการเลือกกองทุนที่ดี คุณอาจดูความสามารถในการทำกำไรในช่วงปีที่ผ่านมาหรือศึกษานโยบายการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินได้อีกด้วย
ข้อดี
● ค่าธรรมเนียมต่ำ
กองทุนทองมักค่าธรรมเนียมต่ำ ไม่สูงเท่ากอง Active Fund โดยจะอยู่ที่ประมาณ 1% ต่อปี
● เงินทุนเริ่มต้นมีไม่มาก ก็เริ่มต้นได้
เพราะกองทุนออกแบบมาให้ผู้ลงทุนจำนวนมากเข้ามาเป็นเจ้าของส่วนลงทุน ดังนั้นจึงเกิดการรวบรวมเงินจำนวนน้อยๆ จนกลายเป็นกองขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่กำหนดเงินลงทุนไว้ต่ำกว่า 10,000 บาท
● มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างมูลค่าหน่วยลงทุนหรือได้รับเงินปันผลจากกองทุน
กองทุนรวมจะมอบผลตอบแทนค่อนข้างหลากหลายช่องทาง โดยได้ทั้งแบบ capital gain และ dividend ซึ่งจะคำนวนมาจากผลตอบแทนโดยรวมและเฉลี่ยคืนให้ผู้ลงทุนตามสัดส่วน
● ปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญหาย
อย่าลืมว่าตอนนี้คุณไม่ได้ถือหรือจัดเก็บทองคำแล้ว โดยนี่ถือเป็นลักษณะเด่นของกองทุนทองคำที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการโจรกรรมหรือการสูญหาย ที่สำคัญระบบการดูแลกองทุนในปัจจุบันนี้มีความทันสมัยและโปร่งใสมากๆ
● มีผู้บริการพอร์ต ติดตามผ่านช่องทางออนไลน์ได้
กองทุนรวมจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลบริหารจัดการเงินทุนให้ โดยคุณคุณไม่ต้องใช้เวลามากในการติดตามกราฟและข่าวสาร ทั้งนี้ยังสามารถติดตามพอร์ตผ่านช่องทางออนไลน์ของผู้จัดการกองทุนได้อีกด้วย
ข้อเสีย
● มีค่าบริการให้กับผู้จัดการกองทุน
ค่าใช้จ่ายนี้เป็นค่าบริการที่มอบให้ผู้จัดการกองทุน โดยถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง เพราะจะมีทั้งค่าธรรมเนี่ยม การซื้อขาย ค่าใช้จ่ายรวม ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหลักทรัพย์ของกองทุน และภาษีอื่นๆ อีก ในระยะสั้นคุณอาจเห็นภาพไม่ชัดแต่ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาวคุณจะพบว่าเพียง 1% ก็สามารถหักกำไรที่คุณควรได้ไปได้สูง
● ทำกำไรได้ในเพียงสภาวะทองคำขาขึ้นอย่างเดียว
แน่นอนครับ สำหรับกองทุนรวมทั่วไปรวมทั้งกองทุนทองคำเองก็ตาม จะทำกำไรได้จากจังหวะราคาทองขยับขึ้นเท่านั้น แม้จะมี Capital gain และ Divided มอบให้นักลงทุนก็ตาม แต่หากเปรียบเทียบเมื่อทำกำไรได้จากขาลงด้วยนั่น ถือว่าคุณมีค่าเสียโอกาสอย่างมีนัยสำคัญ
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
● เหมาะกับนักลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนระยะยาว
● นักลงทุนที่ต้องการสะสมเงินลงทุนไปเรื่อยๆ มีเงินลงทุนไม่มาก
● ผู้ลงทุนที่ต้องการได้รับเงินปันผลระหว่างการลงทุน
● ไม่ค่อยมีเวลาติดตามข่าว และสามารถรับความเสี่ยงที่ปานกลางได้
● ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังทรัพย์สินทางเลือก และมีเป้าหมายเพื่อให้พอร์ตการลงทุนโดยรวมของผู้ลงทุนมีความผันผวนลดลง
ซื้อได้ที่ไหน
● กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์
หรือกองทุนที่รู้จักกันในชื่อ SCBGOLD ที่โดดเด่นด้วยผลการดำเนินงานและปันผลเฉลี่ยในกลุ่ม 3 ปี อยู่ที่ 7.91%
● กองทุนเปิดเค โกลด์
K-GOLD กองทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust (USD) และป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ
● กองทุนเปิดธนชาตทองคำแท่ง
กองทุน TGOLDBULLION-H จะลงทุนในทองคำแท่งมาตรฐานสากล เริ่มต้นเพียง 1,000 บาทเหมือนการทยอยสะสมทองคำไปเรื่อยๆ
การลงทุนทองคำในตลาดฟิวเจอร์ส คือ การซื้อขายทองคำ ณ ราคาขณะนั้นโดยไม่ได้มีการส่งมอบทองคำจริงๆ โดยจะซื้อขายผ่านตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX ซึ่งปัจจุบันนี้อนุพันธ์จะอ้างอิงกับสินค้าทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% และมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินงานของตลาดอนุพันธ์และบริษัทสมาชิก
ข้อดี
● ส่วนต่างการซื้อขายและค่าธรรมเนียมต่ำ
เมื่อเปรียบเทียบกับส่วนต่างการซื้อขายทองในตลาดฟิวเจอร์สกับตลาดอื่นๆ พบว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าโดยเปรียบเทียบ โดยการประมาณจะอยู่เพียงแค่ 10 บาทส่งผลให้สามารถซื้อขายเพื่อทำกำไรได้ถี่กว่า โดยลดข้อกังวลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่อครั้ง
● เทรดได้สองทาง ทั้งขาขึ้นและขาลง เพิ่มโอกาสในการทำกำไร
ลงทุนทองคำในตลาดฟิวเจอร์สคุณจะสามารถทำกำไรได้ทั้งตอนที่ราคาทองสูงขึ้นและราคาทองลดต่ำลง
● ไม่มีการส่งมอบทองคำจริง ใช้วิธีตัดส่วนต่างซื้อขาย
TFEX เป็นการทำสัญญาจะซื้อจะขาย สินค้าอ้างอิงกันในอนาคต ตามราคาที่ตกลงกันล่วงหน้า แต่ยังไม่มีการจ่ายเงินและส่งมอบสินค้ากันจริง ๆ ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลเรื่องการจักเก็บทองคำหรือค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มเติมจากส่วนนี้
ข้อเสีย
● ต้องเตรียมเอกสาร และการสมัครหลายขั้นตอน
การเปิดบัญชีเพื่อสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าจำเป็นต้องเตรียมเอกสาร เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาสมุดบัญชีธนาคารย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน และหน้าบุ๊คแบงค์ซึ่งต้องมียอดคงเหลือมากกว่า 10,000 บาท
● ความเสี่ยงในการเทรดด้วยเลเวอเรจ
การเทรดทองแบบฟิวเจอร์สจะมี Leverage หรือที่เคยได้ยินว่าอัตราทด จะช่วยให้คุณไม่ต้องชำระเงินเต็มมูลค่าสัญญาและสามารถเทรดในขอบเขตที่สูงได้ แต่ในทางกลับกันถ้าคุณคาดการณ์ผิด จากกำไรก็จะกลายเป็นขาดทุนได้ และจะเป็นการขาดทุนในปริมาณที่สูงด้วย
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
● นักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การเก็งกำไรในระยะสั้น
● ใช้เงินน้อย แต่กำไรสูงจากเลเวอเรจ
● ไม่ต้องจ่ายเงินเต็มมูลค่าสัญญา เพียงแค่วางเงินประกัน 10% ของมูลค่าสัญญา ก็
● เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ชอบการติดตามข่าวและศึกษาข้อมูลเยอะ รับความเสี่ยงที่สูงได้
เปิดบัญชีได้ที่ไหน
● บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด
ห้างทองฮั่วเซ่งเฮงไม่ได้เปิดขายทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณเท่านั้น ยังให้บริการสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสำหรับทองคำอีกด้วย ซึ่งสำหรับเงื่อนไขด้านเงินค้ำประกันของบริษัท ฮั่วเซ่งเฮงก็จะกำหนดให้ผู้ลงทุนปฏิบัติตามเงื่อนไขก็การลงทุน
● CGS-CIMB
เริ่มต้นการลงทุนได้ง่ายๆ แต่ต้องแจ้งขอเปิดบัญชีก่อน โดยสามารถเทรดผ่าน Streaming เหมือนโบรกเกอร์อื่นๆ และมีหลักประกันที่คุณต้องว่า ซึ่งจะต่างกันที่อัตราค่าธรรมเนียม
● โบรกเกอร์ Forex ก็เทรดได้
คุณสามารถเทรดทองฟิวเจอร์สกับโบรกเกอร์ที่ให้บริการเทรด Forex ชั้นนำได้ง่ายๆ โดยหลักการและวิธีการแทบจะไม่ต่างกัน ที่สำคัญคุณยังสามารถใช้เครื่องมือแบบเดียวกันในการดูสัญญาณการเข้าซื้อและขายแบบเรียลไทม์
วิธีการทำกำไรแบบ CFD (Contract For Difference) คือ สัญญาซื้อขายส่วนต่างที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) แต่จะมีจุดเด่นหลายประการที่เพิ่มความได้เปรียบให้แก่นักลงทุน นอกจากนี้การเทรดแบบ CFD ยังมีวิธีการสมัครที่ง่าย เอกสารเบื้องต้นไม่ซับซ้อน ซึ่งสามารถเทรดผ่านโบรกเกอร์และใช้เครื่องมือถือการวิเคราะห์ต่างๆ ได้ฟรี ไม่ใช่โบรกทุกรายก็เสนอให้ใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ฟรี บางโบรกเกอร์จะมีการเก็บค่าใช้จ่ายด้วย
ข้อดี
● ไม่ต้องถือครองทองคำ
เมื่อไม่ได้ถือครองก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ และไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากการจัดเก็บอีกด้วย
● เทรดด้วยเลเวอเรจ
ผู้ลงทุนสามารใช้ต้นทุนต่ำในการขยายขอบเขตการทำกำไรได้ โดยมาร์จิ้นเริ่มต้นประมาณ 1-10% ต่างกันตามแต่ละโบรกเกอร์ ดังนั้นเงินทุนเริ่มต้นจะน้อยว่าการเทรด Gold Futures อีกด้วย
● เทรดได้สองทาง ทั้งขาขึ้นและขาลง
นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งขณะที่ราคาทองขึ้นและเมื่อราคาทองลง จึงเป้นการเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
● ต้นทุนในการเทรดต่ำ
ปกติแล้วต้นทุนในการเทรด Gold CFD จะประกอบไปด้วย สเปรด, ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขาย และค่าคอมมิชชั่นถือคำสั่งซื้อข้ามคืน
โดยสเปรดในการเทรด Gold CFD จะต่ำมากเนื่องจากการแข่งขันระหว่างโบรกเกอร์ที่สูง และโบรกเกอร์ CFD ส่วนใหญ่จะไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นต่ำ ที่สำคัญก็จะไม่มีค่าคอมมิชชั่นถือคำสั่งซื้อข้ามคืนหากไม่ถือคำสั่งข้ามคืน ดังนั้น Gold CFD จะเหมาะกับการเทรดระยะสั้นมากกว่า
● เปิดบัญชีได้ง่ายกว่า
โดยรวมแล้วขั้นตอนการเปิดบัญชีของ Gold CFD จะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ Gold Futures ไม่ต้องใช้เอกสารในการสมัครที่ยุ่งยาก ขอเพียงมีบัตรประชาชนก็พอและสามารถทำออนไลน์ได้หมด
ข้อเสีย
● มีความเสี่ยงจากการเทรดด้วยเลเวอเรจ
เลเวอเรจออกแบบมาให้ช่วยเพิ่มขอบเขตการลงทุนของคุณให้สูงขึ้น ดังนั้นถ้าคุณลงทุนโดยใช้เลเวอเรจก็อาจจะเพิ่มโอกาสในการขาดทุนปริมาณมากได้อีกด้วย
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
● เหมาะกับนักลงทุนสายเทคนิค สายเก็งกำไรระยะสั้น
● มีเงินทุนน้อย แต่ความคาดหวังที่จะทำกำไรสูง
● ชื่นชอบและมีเวลาในการติดตามข่าวและศึกษาข้อมูลเยอะ
● สามารถรับความเสี่ยงที่สูงได้
เปิดบัญชีได้ที่ไหน
หากนักลงทุนสนใจและต้องการเทรดทองคำแบบ CFD ผมแนะนำให้เลือกโบรกเกอร์ที่ให้บริการนี้แบบ full option และต้องมีประสบการณ์ในการให้บริการมาระดับหนึ่ง ที่สำคัญสเปรดต้องต่ำ ค่าคอมมิชชั่นไม่มีเลยยิ่งดี โดยอาจเลือกใช้งานจากโบรกเกอร์ Mitrade เพราะจากข้อมูลที่ให้มาถือว่าเป็นผู้ให้บริการ CFD ที่ยอดเยี่ยมและตอบโจทย์มากที่สุด
ปัจจุบันทางเลือกในการลงทุนทองคำนั้นมีอยู่หลากหลายมากไปกว่าการซื้อทองแท่งเก็บ ซึ่งทางเลือกที่หลากหลายนี้อาจสร้างความสับสนให้กับนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้น ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก่อนเริ่มต้นลงทุนในทองคำเลยก็คือการถามตัวเองให้ได้ก่อนว่าคุณมีจำนวนเงินทุนตั้งต้น มีผลตอบแทนที่คาดหวัง และมีความเสี่ยงที่สามารถรับได้เป็นเท่าไหร่
การลงทุนในทองคำนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการเฝ้าดูแลพอร์ตมาก แต่การลงทุนทองคำในบางรูปแบบ เช่น สัญญาฟิวเจอร์ส หรือ การลงทุนในหุ้นบริษัททอง นั้นเรียกร้องให้นักลงทุนต้องทำการค้นคว้าหาข้อมูลให้ได้ก่อนคนอื่น ๆ ดังนั้นผู้ที่สนใจการลงทุนในวิธีนี้ควรพิจารณาถึงปริมาณข้อมูลที่ต้องเตรียมและความสามารถในการค้นข้อมูลของตัวเองก่อนเริ่มลงทุนด้วย
หลังจากเราลองลิสต์รายละเอียดที่จำเป็นสำหรับการลงทุนทองคำในแต่ละรูปแบบและเปรียบเทียบกับข้อจำกัดของตัวเองแล้ว คุณก็ยังมีสิ่งที่ต้องหาคำตอบอีกสองสามอย่างก่อนเริ่มต้นลงทุนอย่างจริงจัง เช่น จะลงทุนทองคำกับใครซึ่งนับเป็นคำถามสำคัญ ซึ่งเคล็ดลับการลงทุนในทองคำที่เราเตรียมมาให้ในคราวนี้ก็สามารถช่วยให้มือใหม่เริ่มต้นลงทุนได้ง่ายยิ่งขึ้นเช่นกัน
● ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ดีสำหรับการลงทุนหรือเปล่า?
สำหรับคำถามนี้ต้องบอกเลยว่าไม่ได้มีคำตอบตายตัว เนื่องจากการลงทุนในทองคำแม้จะมีจุดเด่นและข้อดีที่นักลงทุนหลาย ๆ คนชื่นชอบ แต่การลงทุนรูปแบบนี้ก็ยังมีข้อจำกัดและตอบสนองต่อเป้าหมายการลงทุนของนักลงทุนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากเป้าหมายของคุณตรงกับข้อใดข้อหนึ่ง (หรือมากกว่า) ตามลิสต์ด้านล่างนี้ การลงทุนในทองคำก็อาจเป็นคำตอบสำหรับการลงทุนของคุณ
ต้องการตัวช่วยขจัดปัญหาการเสื่อมมูลค่าของสินทรัพย์ (Inflation Hedge) ซึ่งนี่นับเป็นปัญหาใหญ่ของการลงทุนระยาว ขณะที่สินทรัพย์อื่นเช่นสกุลเงินสามารถเสื่อมค่าลงได้ และสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าได้น้อยลงเรื่อย ๆ ทองคำกลับเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเองและได้รับการยอมรับว่ามีค่าจากคนทั่วโลก ทำให้มันสามารถรักษามูลค่าไว้ได้เมื่อเวลาผ่านไป ในระยะยาวแม้สกุลเงินต่าง ๆ จะเสื่อมค่าลงแต่ราคาขอทองคำจะเคลื่อนไหวในทางตรงกันข้ามและสามารถรักษามูลค่าเอาไว้ได้
ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน (Port Diversification) ปัจจุบันราคาสินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ มีความผันผวนสูงมากและสามารถเพิ่มความเสี่ยงให้กับเงินทุนของนักลงทุนได้ อย่างไรก็ดีหากนักลงทุนสามารถเลือกสินทรัพย์หลากประเภทที่ความเคลื่อนไหวของราคาไม่สัมพันธ์กัน (Low Correlation) เช่น พันธบัตร หุ้น สกุลเงิน สินค้าโภคพันธ์ รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล มาถ่วงน้ำหนักในพอร์ตการลงทุน ซึ่งวิธีการนี้จะสามารถลดความผันผวนของผลตอบแทนในพอร์ตได้เมื่อเวลาผ่านไป และจะยิ่งเห็นผลได้ชัดในภาวะที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง เช่น ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่ผ่านมา ซึ่งทองคำเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการประกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนของกองทุนและนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญทั่วโลก
ต้องการมองหาสินทรัพย์ที่สามารถเป็นเจ้าของและจับต้องได้จริง ๆ (Physical Asset) ในช่วงที่ตลาดเกิดความผันผวนและไม่แน่นอนสูง นักลงทุนบางกลุ่มอาจกลับไปสู่การลงทุนในรูปแบบดั้งเดิมที่การถือทองคำแท่งกลายมาเป็นความมั่นคง ขณะที่พันธบัตร หุ้น หรือเงินสดนั้นมีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับธนาคารหรือผู้ออกตราสารที่อาจเกิดการบิดพลิ้วเมื่อเกิดสถานการณ์ยากลำบาก แต่การถือทองคำแท่งนั้นไม่ได้มีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับใครอื่นและยังสามารถยืนยันมูลค่ากับใครก็ได้บนโลกใบนี้ ผู้ที่เป็นเจ้าของทองคำแท่งสามารถเก็บรักษา เคลื่อนย้าย และขายออกมาเป็นเงินสดได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งธนาคารหรือวานิชธนกิจอื่น ซึ่งหากคุณเป็นนักลงทุนที่ชื่นชอบความมั่นคงและความมีมูลค่าที่จับต้องได้ ทองคำก็เป็นตัวเลือกที่คุณอาจกำลังมองหา
● ต้องซื้อทองคำเท่าไหร่จึงจะถือว่าเป็นการลงทุนที่ดี
การลงทุนในทองคำนั้นไม่ได้มีข้อกำหนดว่าต้องลงทุนเท่าไหร่จึงจะถือว่าเป็นการลงทุนที่ดี แต่การลงทุนที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและความเหมาะสมของนักลงทุนแต่ละคน รวมถึงระดับทนทานต่อความเสี่ยงที่นักลงทุนแต่ละคนสามารถรับได้ด้วย ตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอาจมีส่วนแบ่งการลงทุนที่ 10% ของพอร์ตทั้งหมด ซึ่งเป็นสัดส่วนที่คุณจะสามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนของพอร์ตการลงทุ ขณะเดียวกันก็ยังได้ผลกำไรจากการลงทุนในทองคำด้วย
อย่างไรก็ดี สัดส่วนนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้ การเพิ่มสัดส่วนการถือทองคำจะทำให้พอร์ตโดยรวมผันนวนตามราคาของทองคำมากขึ้น ขณะเดียวกันผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดก็จะถูกกำหนดโดยผลตอบแทนจากทองคำมากขึ้นเช่นกัน
● เมื่อไหร่ที่เราควรจะลงทุนในทองคำ
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่แตกต่างจากสินทรัพย์ทางการเงินชนิดอื่น ๆ ซึ่งโดยมากเป็นผลมาจากลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร เช่น ขณะที่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นักลงทุนจำเป็นต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว แต่การลงทุนในทองคำนั้นมีความยืดหยุ่นกว่ามาก นั่นคือนักลงทุนสามารถซื้อแบบครั้งเดียวจบในแบบที่จะทำให้ได้ต้นทุนที่ราคาเดียวไปเลย หรือทยอยซื้อสะสมทีละเล็กทีละน้อยแบบสม่ำเสมอเพื่อทำการถัวเฉลี่ยต้นทุนไปในระยะยาว
การที่จะเลือกว่าจะลงทุนในทองคำตอนไหนนั้นมักขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณเลือกใช้ในการลงทุน ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการซื้อทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน การซื้อทองคำแบบครั้งเดียวจบจะทำให้คุณรู้ต้นทุนการถือครองทอคำที่แน่ชัดและทำให้คุณควบคุมความเสี่ยงในพอร์ตได้แบบชัดเจนกว่า ขณะที่หากคุณต้องการซื้อทองคำแท่งเพื่อลงทุนหรือออมในระยะยาว การถัวเฉลี่ยซื้อทองคำแบบสะสมทีละเล็กทีละน้อยจะช่วยกระจายความเสี่ยงในการบริหารต้นทุนในการถือทองคำได้ดี รวมทั้งสามารถบริหารกระแสเงินสดในระยะยาวได้มากกว่า
บทความนี้ผมได้แนะนำ 5 วิธีการลงทุนในทองคำและให้ข้อเสนอสำหรับการเล่นทองคำและเล่นทองอย่างไรให้รวยสำหรับปี 2566 สุดท้ายเราต้องสรุปว่าจริงๆ ไม่มีวิธีไหนจะดีสุด มีแต่วิธีการลงทุนที่เหมาะกับตัวเองที่สุด หากเราได้หาวิธีที่เหมาะสมและใช้กลยุทธ์การเทรดที่ถูกต้อง ก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการซื้อขายทองคำไปได้
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง: การซื้อขายอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนทั้งหมด การซื้อขายอนุพันธ์แบบ OTC อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดพิจารณาเอกสาร PDS, FSG, คำชี้แจงการเปิดเผยความเสี่ยงและข้อตกลงลูกค้าก่อนใช้บริการของเรา และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดทราบว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ในสินทรัพย์อ้างอิง